2008-12-31

Goodbye 2008

Thank you everyone for your presence in my life.
Memories, good and bad, are parts of me.
Wish you the best of everything.
Again, thank you.
Sorry.
&
I love you.

ปรัชญาอินเตอร์เน็ต

อาจารย์สอนปรัชญาเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่าง เมื่อได้เวลาเรียน เขาก็หยิบถังใสๆ ขนาดใหญ่ขึ้นมา ใส่ลูกเทนนิสลงไปจนเต็ม จากนั้นก็ถามบรรดานักศึกษาว่าเต็มหรือยัง นักศึกษาก็ตอบว่าเต็มแล้ว แล้วอาจารย์ก็เทกรวดลงไป ถามนักศึกษาว่าเต็มหรือยัง นักศึกษาก็ตอบว่าเต็มแล้ว แต่อาจารย์ก็ยังเอาทรายเทลงไปอีก คราวนี้เต็มแน่แล้ว (?) ถึงตอนนี้ อาจารย์หยิบขวดน้ำออกมาจากใต้โต๊ะ เทลงไปในถังแล้วน้ำก็ซึมผ่านทรายลงไปจนเต็ม 'เอาล่ะ' อาจารย์กล่าวขึ้น 'ผมอยากให้พวกคุณจำไว้ว่าถังนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา...'

ลูกเทนนิสก็คือสิ่งที่สำคัญในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต สุขภาพ ลูก เพื่อนฝูง และสิ่งที่คุณสนใจจริงๆ
สิ่งที่ถ้าคุณต้องสูญเสีย ทุกอย่างไป และเหลือแต่เพียงสิ่งเหล่านี้ ชีวิตคุณก็ยังเต็มเปี่ยมอยู่

เม็ดกรวดก็เหมือนสิ่งที่สำคัญรองลงมา เช่นงาน บ้าน รถยนต์

ทรายก็คือเรื่องอื่นๆ ที่เหลือ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราต้องทำและมักจะหมกมุ่น ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน คุณก็จะไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวดและไม่มีที่ใส่ลูกเทนนิสแน่

ชีวิตของคุณก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าคุณใช้เวลาและกำลังให้
หมดไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็จะไม่มีที่ให้เรื่องที่สำคัญสำหรับคุณ คุณต้องมุ่งความสนใจไปที่เรื่องที่ทำให้คุณมีความสุข เล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตไปเต้นรำ เล่นเทนนิสสักสองสามเซ็ท คุณยังมีเวลาอกมากที่จะเอาผ้าไปซัก ทำความสะอาดบ้าน จัดงานเลี้ยง ซ่อมแซมอะไรต่อมิอะไร

ดูแลลูกเทนนิสก่อน ดูแลเรื่องที่สำคัญจริงๆ เรียงลำดับความสำคัญให้ดี เรื่องอื่นๆ มันก็แค่เม็ดทราย หรือไม่ก็เป็นแค่น้ำเปล่า ซึ่งแสดงถึง เรื่องไกลตัวที่อาจมาเติมเต็มและเป็นสีสันให้กับชีวิตของคุณนั่นเอง

2008-12-30

이준기, 뉴하트와 베바 팬이었어요

배우 이준기가 30일 오후 9시 50분 서울 여의도 MBC 방송센터에서 진행된 2008 MBC 연기대상 시상식에 참석해 포토월에서 포즈를 취했다.

개그맨 신동엽과 배우 한지혜가 MC로 나선 2008 MBC 연기대상은 30일 오후 9시50분부터 서울 여의도 MBC 방송센터 공개홀에서 170분간 생방송된다.

최근 전 소속사와의 법정분쟁을 마무리짓고 내년 활동을 준비하고 있는 이준기가 이날 남자 우수상 시상에 나섰는데 공교롭게도 다시 복귀할 전 소속사의 대표 연기자 조민기가 우수상을 수상했다.

이준기는 선배 연기자 조민기의 수상을 진심으로 축하했다.

(*베바 = 베토벤 바이러스)

2008-12-29

왕의 남자 3 주년 기념

<왕의 남자> 의 주인공분과 스태프분들,
좋은 품을 만드셔서 감사드립니다.
건강 조심하시고 행복하세요.

P.S. 준기씨, 태어나셔서 감사드리고 사랑합니다.


วันนี้ครบรอบ 3 ปีที่ 왕의 남자 เข้าฉายแล้ว ขอให้วงการบันเทิงเกาหลีและประเทศอื่นๆ ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานดีๆ เช่นนี้ต่อไป เพราะงานบันเทิงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของคนเรามากที่สุด สร้างความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เวลาที่ดูภาพยนตร์ดีๆ สักเรื่อง เราจะรู้สึกอิ่มใจอย่างน่าประหลาดใช่ไหม? ขอบคุณโลกนี้ สำหรับศาสตร์และศิลป์จรรโลงจิตใจ ขอบคุณกลุ่มคนคุณภาพ สำหรับผลงานที่มีคุณค่าต่อชีวิตของผู้ชม

궁금하시죠? 어떤 외국여자가 이런 글을 쓰냐?? 저는 '노라'라는 태국인 팬이거든요. 연세대 한국어학당 다니고 있는데요. 지금 방학인데 잠깐 태국에서 쉬고 내년1월3일 다시 한국에 돌아갈게요.

준기씨, 우리 만난 적이없는데 만날 수있다면 좋겠어요.

2008-12-28

ปีใหม่นี้...

ปีใหม่จะมาถึงแล้วนี่นะ เหมือนเดิมทุกปี ที่ฉันมีอะไรที่อยากจะทำหลายอย่างเยี่ยงมนุษย์ปุถุชนทั่วไป แต่พอถึงทุกๆ สิ้นปีก็มาคิดว่า 'แ-ร่ง ทำไมไม่เคยทำสำเร็จฟระ?!' อยู่เรื่อยเลยเชียว เดี๋ยวศุกร์นี้ก็ต้องกลับเกาหลีแล้วล่ะ มานั่งนึกดู ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนแก่ไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะว่า กลับมาเมืองไทยคราวนี้ ก็เอาแต่นั่งจับเข่าคุยเรื่องตั้งแต่สมัยอนุบาลกับพี่ชายอยู่นั่น ดังจะเห็นได้จากบทความที่ฉันบ่นเรื่องครูบาอาจารย์อยู่บ่อยครั้ง เหมือนชีวิตจริงคนเรามันเหนื่อยเกินไปหรืออะไรไม่รู้ ทำให้เราเลือกที่จะจำช่วงที่มีชีวิตแบบง่ายๆ เพื่อที่จะเก็บไว้ยิ้มกับตัวเองอยู่ได้เรื่อยๆ ทุกครั้งที่เราคิดว่าเรากำลังลำบาก มันจะลำบากกว่าความลำบากครั้งที่แล้วเสมอ ฉันเคยลำบากตอนอนุบาลสาม ปีสามฉันลำบากเรื่องปั่นรายงานส่งอาจารย์ ลำบากแบบหาคำพูดมาอธิบายไม่ได้เลย มันเหนื่อยไปหมด ตอนอยู่คนเดียวก็เคยลำบากนะ ลำบากด้วย เหนื่อยด้วย ก็ร้องไห้บ่อยอยู่เหมือนกัน แต่ก็ได้แค่ร้องไห้ เพราะถ้าหลับไปแล้ว ตื่นมาก็ยังต้องใช้ชีวิตไปเหมือนเดิม บางทีมันเหมือนเรากำลังฝันร้าย บางทีก็เหมือนเล่นเกม มีเกมโอเวอร์ มีท็อปสกอร์ มีรีเซ็ทเครื่อง ฯลฯ
วันนี้ถึงเวลารีเซ็ทเครื่องอีกแล้วสินะ คนอื่นๆ จะอยากได้อะไรกันบ้าง ปีใหม่นี้... สำหรับฉัน เอาแบบที่ exclusive หน่อยก็แล้วกัน เอาแบบที่มากกว่าความรู้สึกหรือความตั้งใจ เอาเป็น project ในฝันเลยดีกว่า คือเกือบจะเป็นรูปธรรมอยู่แล้วว่า'งั้น (หรือเปล่า?) ซึ่งที่จะเขียนไว้นี่ หลักๆ ก็คือเพื่อเตือนตัวเองเฉยๆ ถ้าคนอื่นอ่านแล้วก็อาจจะงงๆ หน่อยนะ ขอโทษที เอาเป็นว่าก่อนจะขึ้นปีใหม่ก็ลองนึกๆ ดูแล้วกันว่าอยากทำอะไรดีๆ เพื่อใครบ้าง ดีไหม? วางแผนน่ะ สนุกดีออก... ทำตามแผนที่วางนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 555+

1. นอร่าอยากทำโปรดักชั่น <삭제된 장면>
2. 'เธอสองคนจะต้องเจอกันให้ได้นะ!' อย่างที่พี่อินฮีบอกไว้... ก็เราเหมาะกันดีออกหนิ ^^
3. ภาษาที่สามที่นอร่าจะพูดได้เยี่ยงอังกฤษและไทย คือ เกาหลี คอนเฟิร์ม! (สำนวนใครหว่า?)
4. ถ้าวันหนึ่ง <삭제된 장면> ประสบความสำเร็จ ก็อยากทำ <늦어서> กับ <슬픔이라고>
5. ไป 부산 ให้ได้!

ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ personal มากๆ เพราะมันดูไกลตัว แต่ก็ยังอยากจะทำให้ได้สักวันหนึ่ง อย่างน้อยๆ ก็เตรียมตัวให้ดีที่สุด be the best Nora I can be ในช่วงก่อนที่ 'ปีของนอร่า' จะเวียนมาถึง ซึ่งก็คือช่วง 2010 นั่นเอง (ความเชื่อส่วนบุคคล กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

คุณผู้อ่านก็ลองคิดดูนะว่าปีใหม่นี้ อยากจะทำอะไร
ขอให้เข้มแข็งทุกคนนะ โชคดีค่ะ!

เงียบอำมหิต

'เงียบอำมหิต' เป็นชื่อของภาพยนตร์เกาหลีม้ามืดที่โกยรายได้จากการเข้าฉายเกินคาด และยังเป็นอีกเรื่องที่ฮอลลีวูดซื้อไปรีเมคอีกด้วย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อสากลว่า The Chaser หรือ 추격자 (ชู-กยอก-จา) เข้าฉายที่เกาหลีในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา (2008.02.14) ความยาว 123 นาที กำกับโดยผู้กำกับหน้าใหม่ในเวลานั้นอย่าง นาฮงจิน จึงทำให้พล็อตเรื่องดีๆ ต้องมีโปรดักชั่นทุนต่ำ เนื่องจากไม่มีนายทุนบริษัทใดไว้วางใจความสามารถของผู้กำกับนั่นเอง ฉันอ่านเรื่องย่อแล้วรู้สึกว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อเรื่องน่าสนใจ โดยส่วนตัวแล้ว ฉันยังไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่หวังว่าจะได้มีเวลาว่างหามานั่งดูในวันที่ทุกอย่างเป็นใจบ้าง

Synopsis:
Ex-cop pimp Jung-ho is irritated because his girls keep disappearing without clearing their debts. One night, he gets a call from a customer and sends Mi-jin. Jung-ho realizes the phone number of the customer matches that of the calls the missing girls got last. As something smells fishy, he searches for her. During his search, Jung-ho dents a car in the alley. When Jung-ho spots blood splattered on the driver’s shirt, he senses the man, Young-min, is the suspect. After an intense chase, Jung-ho catches Young-min. But because of Jung-ho’s pretense as a cop, they are both taken to the police station. At the station, the man bluntly confesses he has killed the missing women, and the last girl, Mi-jin, may still be alive. As the whole police force is obsessed with a random search for corpses, Jung-ho is the only one who believes Mi-jin is still alive. With only 12 hours left to detain the serial killer without a warrant, Jung-ho’s hunt begins, searching for Mi-jin entrapped in a place nobody knows.

บทที่ท้าทายความสามารถอย่างบทฆาตกรโรคจิต ที่มีเหยื่อเป็นหญิงขายบริการนั้น เป็นบทที่เกือบจะตกเป็นของนักแสดงรุ่นน้องที่อ่อนประสบการณ์กว่า ฮาจองอู อย่างนั้นหรือ? ลองนึกภาพ อีจุนกี ในบทนี้ดูสิ!

이준기, "<추격자> 하정우 역 놓쳐 아쉽다."

배우 이준기가 "영화 <추격자> 의 시나리오를 받았으나 드라마 '일지매' 촬영으로 포기했다"고 털어놨다. 이준기는 최근 아리랑 TV 연예정보프로그램 'Showbiz Extra' 신년특집 방송에서 2009년을 빛낼 스타로 선정되면서 욕심이 났던 배역을 묻는 질문에 이같이 답했다.

이준기는 이 방송에서 "<추격자> 에서 하정우가 맡았던 역할이 마음에 든다. 그 시나리오도 처음에 받았기 때문에 나중에 너무 아쉬웠다"고 밝히며 "연민이 느껴지는 악역을 해보고 싶다"고 말했다.

เป็นภาพยนตร์ที่ขายได้ดีทั้งในและต่างประเทศทีเดียว บทที่หายากอย่างนี้ ถ้าหากเทียบกับละครเรตติ้งดีอย่าง <อิลจิแม> แล้ว นับว่าน่าเสียดายอย่างที่ อีจุนกี ได้ให้สัมภาษณ์ไว้จริงๆ เพราะถึงแม้ว่า ละครเรื่องนี้จะได้รับความนิยมจากผู้ชมมากมาย และสามารถทำให้เกิดกระแสความนิยมในตัว อีจุนกี ได้อีกครั้งก็ตาม แต่ในความคิดของฉัน ในฐานะของ 'คนถ่ายทอดศิลปะ' แล้ว บท 'ชียองมิน' ใน <ชู-กยอก-จา> เป็นบทที่เหนือกว่าบท 'อีกยอม'/'โยงี'/'อิลจิแม' ใน <อิลจิแม> อยู่มากทีเดียว

คนที่บอกว่า 'อยากตายในฐานะนักแสดง'

มันยากมากหรือ'ไงที่คนหนึ่งคนจะเป็นนักแสดง? คนคนหนึ่งบอกว่าเขายังไม่ใช่นักแสดง เขาเป็นแค่สิ่งที่อยู่ระหว่างคนเดินถนนกับนักแสดง และเขากำลังค้นหาตัวเองว่าควรอยู่ตรงไหนกันแน่ แล้วเขาจะจบบทสัมภาษณ์ที่ฟังกี่ครั้งก็ยังประทับใจว่า "... (ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่) ตอนที่ผมต้องตาย ผมก็อยากจะตายในฐานะนักแสดง" อะไรจะดูเป็นสถานะที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนั้น ฟังดูโอเวอร์ แต่ก็ยังเข้าใจได้ ฉันคิดอะไรอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่สามารถยึดติดกับอะไรอยากเดียวได้หรอก ฉันไม่ค่อยสนใจวิธีการเท่าไหร่หรอก แล้วฉันก็ไม่แคร์คำนิยามของอาชีพใดอาชีพหนึ่งด้วย ถ้าฉันอยากเห็นโลกสงบสุข ฉันก็จะทำอะไรก็ได้ที่น่าจะทำให้โลกมันสงบสุข ฉันไม่ได้อยากถูกจดจำโดยคนทั้งโลก แม้ว่าการถูกจดจำจะเป็นเรื่องที่ดีก็ตาม แต่ฉันอยากให้ผลของการกระทำเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นมากกว่า อีกครั้งที่ฉันอยากบอกว่า ฉันไม่ใช่คนดี แต่ฉันก็บอบบางเพียงพอที่จะเจ็บปวดกับเรื่องโหดร้าย แม้ว่ามันจะไม่ได้เกิดขึ้นกับฉัน ฉันสงสารขอทานทุกคนที่เคยพบและเดินผ่านไป ทั้งๆ ที่น้อยครั้งนักที่ฉันจะหยุดเพื่อให้เงินแก่พวกเขา ฉันร้องเพลงสรรเสริญ.... และสดุดี.... โดยหมายความตามนั้นทุกคำมาตั้งแต่เด็ก ฉันร้องสิ่งที่ถูกบอกให้ร้อง ฉันซึมซับความหมายนั้นผ่านการเรียนรู้ แต่ทว่า นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันยึดถือสถาบันใดเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจเป็นพิเศษ คนทุกคนเกิดมาและมีปฏิสัมพันธ์โลกเท่าๆ กัน ไม่มีความจำเป็นใดที่เราจะต้องยกใครจนสูงเกินไป หรือกดใครจนต่ำเกินไป ทุก action มี reaction มี fan ก็มี anti-fan มีคนรัก ก็ย่อมมีคนเกลียด ถ้าเรายกสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้น ก็เท่ากับว่าเรากดบางสิ่งลงมาอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งยกสูงก็ยิ่งกดแรง คนที่โดนกดก็ไม่น่าจะพอใจกันเท่าไหร่หรอก จริงไหม?
ฉันนับถือความคิดของคนคนนี้ คนที่ฉันเห็นเป็นนักแสดงอยู่เสมอ และเขาก็เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงเสียด้วย หลายคนคงคิดว่าการชื่นชมใครสักคน คงจะเป็นเพราะหน้าที่หรือบทบาทที่เขากระทำ ฉันไม่ได้ชื่นชมเขาเพราะเขาเป็นนักแสดงหรอกนะ แต่ฉันชอบความคิดของคน (ที่เป็นนักแสดง) คนนี้น่ะ หลายอย่างที่พูดมามันดูน่าชื่นชมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเลยเชียวนะ หรืออาจเป็นเพราะเขามีความคิดตรงกับที่ฉันคิดอยู่เสมอแหละมั้ง เดี๋ยวนี้คนเราใช้เวลาคิดกันน้อยลง คำที่บอกให้คิดก่อนพูด หมายความถึง คิดเพื่อที่จะไม่ต้องมาเดือดร้อนภายหลัง ไม่ใช่แค่ 'คิด' อย่างที่เข้าใจกันหรอก คิดแบบที่ฉันถนัดน่ะเหรอ? ก็ 'คิดทิ้ง คิดขว้าง' ยังไงล่ะ! คิดๆ มันไปเถอะ อะไรก็ได้ ไม่แค่สักแต่ว่า 'คิดถึง' 'คิดรายจ่าย' หรือ 'คิดจะโกงกิน' ไปวันๆ เท่านั้นนะ
ไม่รู้สิ ฉันอาจจะถนัดวิชาปรัชญามากกว่าคนทั่วไปก็ได้นะ อะไรที่ฟุ้งๆ ที่ต้องใช้จินตนาการ หลายครั้งที่ฉันต้อง 'แสดง' หรือ act อะไรสักอย่างฉันมักทำได้ดีเสมอ ฉันไม่ได้หลงใหลการแสดง ฉันไม่ได้อยากแสดง และฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันแสดง เพียงแต่ ฉันสามารถจะจมอยู่กับเรื่องที่ประสบได้ง่ายกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง ฉันสามารถอ่านเรื่องบางเรื่อง บทความบางบทความแล้วทำความเข้าใจกับตรรกะทั้งหมดได้โดยง่าย อืม~ เรียกว่า 'ทำความเข้าใจได้โดยไม่ลำบากเท่าไหร่' จะดีกว่า อ่านเรื่องเศร้าแล้วเจ็บปวด อ่านเรื่องโหดร้ายแล้วรู้สึกอึมครึมพิกล ไม่ใช่ข้อดีเลยใช่ไหม? นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมฉันมักบอกว่า ฉันเป็นคนอ่อนแอ ก็ฉันเป็นคนอ่อนไหวนี่นา คนอ่อนไหวมักเป็นคนอ่อนแอ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป แต่ฉันก็มักจะเหนื่อยล้ากับความรู้สึกต่างๆ ที่มากจนเกินไปจนกลายเป็นคนอ่อนแอในที่สุด ในรอบสามเดือน สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะจิตตกได้หนึ่งถึงสองครั้งเลยทีเดียว
วกกลับมาที่ชื่อเรื่องที่ตั้งไว้ดีกว่า ฟุ้งมานาน ขอจบลงด้วยความคิดของนักแสดงคนนี้ในข่าวล่าสุดที่อ่านมา เอาไว้อ่านเพื่อเก็บมาคิดอีกทีวันหลัง:
"연민이 느껴지는 악역을 해보고 싶다"는 이준기는 "어떤 작품을 성공으로 이끈 주역이라는 말보다 '가능성있는 배우'라는 칭찬이 가장 기분이 좋다"고 밝혔다. 그러면서 이준기는 "배우라는 직업을 즐길 줄 아는 배우가 되고 싶다"는 당찬 꿈을 함께 전했다.

2008-12-26

มอ'ไซค์รับจ้าง

มอ'ไซค์วินเดี๋ยวนี้นี่... หน้าด้านกันจริงๆ เลยนะ
แกล้งไม่มี'ตังค์ทอน ทอนไม่ครบ-อ้างว่าดึกแล้ว (?)
ทำเป็นขอความเห็นใจในการหาเช้ากินค่ำ
โธ่~ ไอ้วัวส์ส์ส์!!!

*ไอ้วัวส์ส์ส์ = คล้าย 'ไอ้ควาย' แต่ดูมีระดับกว่าและดูเป็นพหูพจน์

โลกร้อน

8 เดือนที่แล้ว ก่อนฉันไปเกาหลี ฉันจำได้ว่าในวิชาสัมมนาพวกเราพูดถึงเรื่องภาวะโลกร้อนกัน ที่น่าเศร้าคือ ฉันเล่าให้เพื่อนๆ ในห้องฟังว่า ทุกครั้งที่ฉันปฏิเสธถุงพลาสติกใ่ส่ของนั้น เจ้าของร้านมักทำหน้าแปลกๆ อยู่เสมอ จนฉันต้องทำเป็นปล่อยมุกหรือพูดติดตลกไปว่า 'โลกร้อนพี่ โลกร้อน...' จนบางคนก็ขำตาม บางคนไม่เข้าใจก็ยังคงงงกันต่อไปอีก
8 เดือนถัดมา เมืองไทยก็เปลี่ยนไป...
ในทางที่ดีขึ้นนะ ฉันว่า
หรือไม่?!?!

2008-12-25

용이아버지!

배우 이준기가 2008년 마지막 밤 일지매 용이로 분해 '웅이아버지'를 뛰어넘는 코믹한 모습을 선보인다.

이준기는 오는 31일 오후 9시55분 생방송으로 진행되는 2008 SBS 연기대상에서 SBS '일지매'에 함께 출연했던 이문식, 이원종과 함께 콩트 '용이아버지'를 연출한다.

이는 SBS 코미디 프로그램 '웃음을 찾는 사람들'(웃찾사) 내 인기코너 '웅이아버지'를 '일지매' 버전으로 패러디한 것으로 극중 용이 역을 맡았던 이준기는 그대로 '용이'로, 이문식은 '용아범'으로, 이원종은 '용어멈'으로 각각 변신한다.

드라마 속에서 코믹한 연기로 극의 활략을 불어넣었던 이문식과 이원종이 각각 용아범, 용어멈으로 분해 펼칠 연기가 기대를 모으는 가운데 평소 단정함 한편 친근한 모습을 보여온 이준기가 망가질 모습에 시선이 모일 전망이다.

또 이준기는 이날 연기대상 오프닝쇼 무대를 장식하는 것으로 알려져 팬들의 기대감을 증폭시키고 있다.

한편 이준기는 시청률 30%를 돌파한 '일지매'에서의 활약에 힘입어 올 연기대상의 대상, 최우수 연기상, 베스트커플상 등 후보에 올라있는 상태로, 현재 대상의 유력한 후보로 거론되고 있다.

2008-12-24

Auld Lang Syne

"Auld Lang Syne" is a Scottish poem written by Robert Burns in 1788 which may be translated into English literally as "old long since", or more idiomatically, "long long ago" or "days gone by". "For old time's sake" or "to the good old days" may be modern-day expressions. The song "Auld Lang Syne" is usually sung each year at midnight on New Year's eve and signifies the start of a new year. In Thailand the melody is used along with a similar lyrical sentiment at New Year and is commonly believed to be a Thai traditional song. It is also used for สามัคคีชุมนุม, sung after sport events. Before the composition of the national anthem, the lyrics of Korea's anthem were sung to the tune of this song; now though, it is used as a farewell song to friends.

นึกถึงจดหมายที่เพื่อนสนิทคนหนึ่งเขียนให้ก่อนไปเกาหลี ตอนนี้จดหมายฉบับนั้นก็ยังคงถูกเก็บอยู่อย่างดีที่เกาหลี เอาไว้อ่านเวลาที่ท้อแท้ ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งบางครั้ง เมื่ออ่านไปแล้วก็ได้กำลังใจ เพราะว่าเพื่อนเชื่อมั่นในตัวเราเสมอ แต่บางครั้ง กลับยิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนคิดมาตลอดว่าตัวฉันนั้นเข้มแข็ง

เพื่อนของฉันเชื่อเสมอว่า ฉันทำอะไรก็จะต้องสำเร็จ บางครั้งฉันก็ตั้งใจอ่านข้ามประโยคเหล่านี้ไปเสีย เพราะมันยิ่งทำให้ฉันอ่อนแอ เหมือนกับว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยที่พวกเรารู้จักกัน เป็นเพียงการเล่นละคร และฉันก็ทำได้ดีเสียด้วย เพราะในความเป็นจริงแล้ว ฉันไม่ใช่คนเก่ง ฉันไม่ใช่บุคคลตัวอย่าง และฉันก็ไม่ได้เพอร์เฟ็คอย่างที่เธอบอกไว้ในจดหมาย จริงๆ นะ ฉันไม่เคยนึกถึงตัวเองแบบนั้นเลย

แต่ประโยคเดียวที่ฉันยังคงนึกถึงอยู่เสมอ แม้ว่าฉันจะไม่มีจดหมายอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ฉันก็ยังจำได้ และมันจะยังคงติดตัวฉันไปอีกนาน มันไม่ได้สาธยายคุณความดีของฉัน ไม่ได้ทำให้คนที่ได้ยินได้อ่านรู้จักฉันมากขึ้น ไม่ได้ทำให้โลกนี้สวยงาม ฉันไม่ได้สูดมันเข้าไปแทนอากาศ ฉันไม่ได้กินมันต่างข้าว และฉันก็ไม่ได้ท่องจำมันเหมือนกับบทเรียน

ไม่มีใครต้องการคำพูดแบบนี้เพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่ได้
แต่หลายคนต้องการคนที่จะมาพูดแบบนี้ เพื่อให้สามารถมีความสุขกับชีวิตได้


"... แกเป็นเพื่อนสนิท Top 5 ในชีวิตเราเลยรู้ไหม? เรามีเพื่อนสนิทไม่มาก และเพื่อนบางคนก็มาสนิทกันได้เพราะเรียนด้วยกัน บางคนก็ชอบอะไรคล้ายกัน แต่แกเป็นเพื่อนแบบที่ในชีวิตหนึ่ง คนเราต้องมีเพื่อนแบบนี้~"

ขอบคุณจุ๊ เพราะแกคงไม่รู้ว่า จดหมายของแกทำให้ความขมขื่นของชีวิตที่ตกตะกอนอยู่ลึกๆ หายไปหมดเวลาที่ร้องไห้ออกมา (เหมือนยาระบายใช่มั้ย?) ขอบคุณที่ดีใจเวลาที่เราโทรหาจากเกาหลี ขอบคุณที่ตอนเรากลับเมืองไทยยังจำเสียงเราได้แม้ว่ามันจะเป็นเบอร์ในประเทศที่แปลกๆ และเราพูดแค่ 'ฮัลโหล..' ขอบคุณทุกอย่างเยอะแยะ บอกไปก็ไม่หมด เพราะว่าเรื่องที่เล็กที่สุด ก็ทำให้คนมีความสุขได้เหมือนกัน

รวมถึงขอบคุณเพื่อนคนพิเศษอื่นๆ โดยเฉพาะสตาฟฟ์และสมาชิกชินฮวาไทยแลนด์ดอทคอม ที่อยู่ด้วยกันตลอด เหมือนกับว่าเราเจอกันทุกวัน (ในคอมฯ) มันดูเป็นคำขอบคุณที่ไร้สาระ แต่มันทำให้ชีวิตดีขึ้นเยอะจริงๆ นะ มันเหมือนกับวันเซ็งๆ ที่เรากลับมาบ้านแล้วเจอพี่ๆ น้องๆ นั่งแย่งขนมกันอยู่หน้าทีวี หรืออะไรประมาณนั้น มันทำให้ดูสึกดีอย่างน่าประหลาด ไม่รู้สิ~ เข้าใจกันมั้ยเนี่ย...

เอาเป็นว่าขอบคุณก็แล้วกัน มีความสุขกับเทศกาลที่ไม่ใช่ของประเทศเราแต่ดั้งเดิม (คริสต์มาส) กันไปก่อน แล้วปีใหม่นี้ มาทำให้ชีวิตดีขึ้นด้วยกัน (และทำโลกให้น่าอยู่ขึ้น?)

메리크리스마스

Merry Christmas to all of you.
Start your 2009-resolution list today!

2008-12-23

ทำไมต้องเป็นสิงห์

คุณลักษณะของสิงห์ (ราชสีห์) มี 7 ปรการ
1. เป็นสัตว์สะอาดหมดจด ไม่มัวหมอง
2. มีเยื้องกรายอย่างกล้าหาญ
3. รูปร่างโอ่อ่า สร้อยคอสะสวย
4. ไม่นอบน้อมต่อสัตว์ใด แม้ต้องเสียชีพ
5. หาอาหารไปโดยลำดับ ไม่เลือกกินและกินจนอิ่มในที่นั้น
6. ไม่มีการสะสมอาหาร
7. หาอาหารไม่ได้ก็ไม่ดิ้นรน หาได้ก็ไม่ทะยานอยากและไม่กินจนเกินต้องการ

2008-12-22

วันนี้

วันนี้แก้ไข blog ไปมากทีเดียว
บทความหายไปเยอะใช่ไหมล่ะ? (*^ v ^*)

ทุกอย่างที่เขียนตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
บทความที่ยังคงอยู่คือ บทความที่เลือก
หลังจากนี้ ฉันคงจะไม่กลับมาแก้ไขอะไร
ฉันเขียนด้วยภาษาที่เข้ากับอารมณ์ขณะนั้น
ทั้งที่ตอนแรกอยากจะเใช้ภาษาขียนทั้งหมด
แต่สุดท้าย เรื่องเล่าก็ยังเป็นเรื่องเล่าอยู่ดี
นี่เป็น blog ที่มีไว้เล่าให้ฟัง เหมือนมานั่งคุยกัน
จึงไม่อยากทำให้เป็นทางการเกินไปมากนัก

กลับมาเมืองไทยคราวนี้ ต้องรีบพิมพ์ภาษาไทย
เพราะโน้ตบุ๊คที่เกาหลีพิมพ์ไทยไม่ได้ (" ^ . ^)
ทุกเรื่องราว ทุกสิ่งที่บอกเล่าไปเป็น สิ่งที่อยากเล่า
และบุคคลที่พาดพิงก็คือ บุคคลที่ต้องการกล่าวถึง
สรรพนามและภาษาที่ใช้เป็นคำที่ผ่านการไตร่ตรอง

ยังมีเรื่องที่อยากเล่าอีกมาก คงต้องค่อยๆ นึกไปเรื่อย
แต่ไม่สัญญาว่าจะเป็นเรื่องที่มีสาระ 555+
เพราะ blog นี้ชื่อว่า Nora's Land
Nora wants to say (ดอทบลอกสปอตดอทคอม)

อีกไม่นาน...

สถานีรถไฟใต้ดิน Sinchon กรุงโซล, ประเทศเกาหลี

3 มกราคม 2009 ... อีกไม่นานแล้วสินะ เราคงได้พบกัน

2008-12-18

รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย

นักกีฬาต้องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัยใช่ไหม?
แล้วการมีสปิริตนักกีฬา คืออะไรกันแน่?
ทำไมเดี๋ยวนี้นักกีฬาถึงคิดแต่จะเอาชนะ?

นักบอลยิงได้แล้วอุด กองหลัง 11 คน (=__=)
นักมวย นักเทควันโดเต้นฟุตเวิร์คอย่างเดียว

สุดท้ายการดูกีฬาจะสนุกอะไร?

การบินทุย รักคุณเท่าฟ้า

มีเรื่องอยากจะเล่าเยอะแยะ แต่นึกไม่ออกแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งนึกขึ้นได้
เล่าเรื่อง 'การบินทุย' ดีกว่า

นาย A ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ได้รับโทรศัพท์จากพนักงานที่เคาน์เตอร์
บอกว่า เขาไม่จำเป็นต้องไป check-in ที่สนามบินแล้ว
เพราะว่าเที่ยวบินของเขาถูกยกเลิกกะทันหัน

แต่หลังจากนั้น เขาเช็คได้ว่า เที่ยวบินนั้น ยังคงบินขึ้นตามปกติ
นั่นเป็นเพราะ ... การบินทุยขาย 'ตั๋วผี' ที่เคาน์เตอร์!
พอได้เงินจำนวนมากกว่า ก็ตัดผู้โดยสารที่จ่ายถูกกว่าออก
แหม เมก้า คเลเวอร์ ฉลาดสุดสุด!! ยูเรก้า!!!
ขอปรบมือให้จริงๆ ...

... ให้กับความ x#$%&@!

... ถะ - เหลิง - ประ - เทด - ชาด - ไท - ทะ - วี - มี - ไช - ชะ - โย~

เด็กฉี่ราด

พี่ชายเคยเล่าเรื่องที่โรงเรียนอนุบาลให้ฟัง
ความจริงก็โรงเรียนเดียวกันแหละ (=__=)
สมัยพี่เรียนชั้นอนุบาลนี่... เด็กๆ มักจะกลัวคุณครูกัน
พอถึงนาทีทองของคุณครู (aka ชั่วโมงนอนกลางวัน)
คุณครูก็จับกลุ่มนั่งเม้าธ์กันอย่างออกรส
มีเด็กที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกคนหนึ่งขออนุญาตไปห้องน้ำ...
'ลุกขึ้นมาทำไม ไปนอนสิ!'
(อ้าว~ อีนี่ =__=)
เด็กๆ ที่นอนเรียงรายกันอยู่ แต่ไม่หลับจึงได้บทเรียน
จริงๆ เรียกว่า 'ได้บทเรียน' ก็คงจะไม่ถูกนัก
เพราะเด็กมันกลัวครูมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
พอเจออย่างนี้ ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่

พอเด็กฉี่ราด (หรือจะอย่างอื่นราดก็ตามแต่) ...
'อ้าว~ ทำไมตอนปวดถึงไม่บอกครู!'
(*กรุณาสังเกตเครื่องหมายอัศเจรีย์ เพราะนั่นไม่ใช่คำถาม มันตะคอก!!)
สรุปว่า คำว่า 'ทำไม' นี่ ไม่ใช่คำถาม ไม่จำเป็นต้องตอบ
เพราะ มันไม่เปิดโอกาสให้ตอบ!

Quote จากสมเด็จ xx (ขอแอบเซนเซอร์ แต่คงรู้กัน คนดีมีไม่เยอะหรอก)
ท่านบอกว่าคนมาเป็นครูมักไม่ได้อยากเป็นครูแต่เดิม
แต่ต้องมาเป็นเพราะจบวิทยาลัยครูมา
ที่จบวิทยาลัยครูมา ก็เพราะเอ็นท์ไม่ติด...

เฮ้อ~ ก็เป็นกงเกวียน กำเกวียนอยู่อย่างนี้
ต่อให้ไม่อยากเป็นก็ควรจะรับผิดชอบต่ออาชีพหน่อย
ครูบางคนก็ตีนะ... ตีแต่ลูกคนอื่น ลูกตัวเองไม่ตี
บางทีฉันก็พยายามทำความเข้าใจนะ
เออ ไม่อยากทำโทษลูก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กโต
เพราะวัยรุ่นจะอายเพื่อนไม่ได้ ศักดิ์ศรีค้ำคอ (?)
แต่ถ้าจะหย่อน ก็หย่อนให้หมดดิ!
อย่ามาทำโทษนักเรียนคนอื่น เรื่องการแต่งกาย
ลูกสาว she นี่นะ กระโปรงสั้น ขาลาย หน้าเห่ยอีก (=__=)
คือ แบบ... บู่มากๆ แต่แม่เป็นครูฝ่ายปกครอง หึหึหึ
อยากออกก่อนเวลา... แม่ก็เซ็นให้ยกห้อง
ถามว่า 50 คนนี่ ไปงาน open house ทั้งหมดไหม? ก็ไม่
ไปงาน open house ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังนี่ แล้วเอ็นท์ติดไหม? ก็ไม่

ครูดีก็มีมาก เด็กเลวก็มีมาก ผู้ปกครองยิ่งแล้วใหญ่
จุดนี้ ฉันเข้าใจดี ยิ่งพอห้ามตีเด็กแล้วด้วย มันแทบจะตบหัวผู้ใหญ่กันเลย
ติดศูนย์ ติด ร. ก็แจ้งความ หาว่าครูกลั่นแกล้ง
แต่ที่มันมีกฎที่ว่านี่แต่แรก ก็เป็นเพราะครูบ้าเลือดไม่กี่คน ที่ทำเกินกว่าเหตุ

ไม่ใช่แค่เมืองไทยแล้วนะ เป็นปรากฏการณ์โลก
ที่ไหนก็มีปัญหาขาดแคลนผู้ดีกันทั้งนั้น
รวย-ไม่รวย ไม่เกี่ยวนะ
ผู้ใหญ่หลายคนนี่ มองปั๊บ รู้เลย >> มีกะตังค์ แต่ไม่ใช่ผู้ดี
เอะอะมะเทิ่ง... คนรวยทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดนี่เนอะ

บางคนนี่ก็แปลกนะ
มีลูกทั้งหมดสามคน ผู้ชายหนึ่งคน >> ก็ออกแนวนักเลง
พาพวกไล่เตะแฟนน้องสาวบ้าง
ลูกสาวคนโตก็... มีปัญหากับหมอดูบ้าง (?!)
หารู้ไม่ข่าวกับเสี่ยคนอื่น ใหญ่กว่า >> ก็ไม่เห็นจะสนใจ
บุกไปด่าให้คนกราบ_ีนอีก...
(เอ๊~ เขาจะฟ้องตูไหมหว่า? =__= " ไม่มีนะเฟร้ยยย... 50ล้าน 100ล้านน่ะ!)

เจริญ~

ของดีเมืองไทย

ทำไมละครเกาหลีถึงได้มาถ่ายที่เมืองไทยน่ะเหรอ?
ก็เพราะว่าเมืองไทยมีของดีน่ะสิ...

มวยไทย (?)

ความจริงฉันชอบบทละครเรื่องนี้นะ
เป็นบทที่ดี แนวคิดผู้เขียนก็ดี
นักแสดงมีฝีมือทั้งนั้น
แม้จะมีเรตติ้งน้อยจนเสียดายแทน
แต่ก็นับเป็นละครคุณภาพที่มีโปรดักชั่นดีเรื่องหนึ่ง

ในปี 2007 ที่ผ่านมา มีละครเกาหลีมาถ่ายทำที่เมืองไทย
แฟนๆ ชาวไทยก็ดูจะดีใจที่นักแสดงคนดังมาเยือน
คนที่ไม่ใช่แฟนละครก็พลอยภูมิใจในประเทศบ้านเกิดเมืองนอน

แล้วทำไมถึงเป็นเมืองไทยกันล่ะ?
ก็เพราะว่า...

'มันเกี่ยวกับ "ยาบ้า" 'ไง!'

บางทีเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก
ก็แค่สถานที่เหมาะสม

ตอนที่ฉันอยู่เกาหลี
มักมีผู้ชายทำสายตาแปลกๆ เวลาที่รู้ว่าฉันเป็นคนไทย
คงรู้ว่าเพราะอะไรใช่ไหม
นอกจากยาบ้าแล้ว เมืองไทยยังมีอะไรที่คนเกาหลีรู้จักอีก
"ข้าวแกงกะหรี่" มั้ง?!

เหตุการณ์น่ากระอักกระอ่วนอย่างนี้
ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญแค่ครั้งสองครั้ง
แต่มันเป็นเรื่องปกติ!
ผู้ชายวัยทำงานส่วนใหญ่มักบอกว่า เคยมาเมืองไทย
โดยเฉพาะกรุงเทพกับพัทยา

หลายคนคงเคยดูรายการที่มีชาวต่างชาติในเกาหลีมาออก
มีน้องๆ คนไทยด้วย สวย น่ารักกว่าคนเกาหลีอยู่แล้ว
ทีมงานคัดสรรกันมาอย่างดี

อย่างแรกที่อยากบอก คือ
สาวๆ ชาวฝรั่งคงไม่เคยเจอประสบการณ์แย่ๆ เท่าไร
เพราะคนเกาหลี 'บ้าฝรั่ง' เป็นพวกภาษาอังกฤษซินโดรม
ชาวตะวันตกหรือคนที่ดูเป็นฝรั่ง
จึงเปรียบประดุจเทพ ยกขึ้นหิ้งกันเลยก็ว่าได้
ซึ่งบางคนก็รู้ดีและทำตัวเยี่ยงเจ้าหญิงจริงๆ

ส่วนน้องสาวคนสวยชาวสยามของเรา
ก็ได้หอมแก้มแฟนหนุ่มชาวเกาหลีโชว์กลางห้องส่งไปเรียบร้อย
แถมยังฝากข้อความผ่านทางโทรทัศน์มาบอกพ่อแม่ว่า
'อย่าห้ามมีแฟนเลย เพราะตอนนี้มีแฟนแล้ว...'
ประกาศความเป็นนักเรียนทุนจากมหาวิทยาลัยชื่อดังกันเลย
เป็นสาวมั่นที่น่ารัก มีเสน่ห์
จนกระทั่ง เธอตอบคำถามที่ว่า
หนุ่มเกาหลีแตกต่างจากหนุ่มไทยตรงไหน?
'... ก็เรื่องสกินชิพ~'
(หมายถึง การถูกเนื้อต้องตัว)
เป็นที่รู้กันว่า หนุ่มเกาหลีชอบการสัมผัส
ชอบเรื่องถูกเนื้อต้องตัวกันอยู่แล้ว
แต่นั่นไม่ได้แปลว่าสาวไทยชอบการถูกเนื้อต้องตัวกันทุกคนหนิ
เป็นคำตอบส่วนตัวก็จริง
แต่ผู้ชมก็อนุมานอะไรได้หลายอย่าง
ทั้งแง่บวก แง่ลบ จริงไหม?

ขุนพลประจัญบาน

ขุนพลประจัญบานเป็นหนังสือการ์ตูนสมัยเด็กๆ
ชื่อมันดูตรากตรำดี เลยเอามาตั้งชื่อบทความ 555+

คุณครูอนุบาลนี่ต้องเหมือนนางงามไหม? รักเด็ก...
แล้วถ้าคุณครูไม่ได้รักเด็ก ใครจะมารู้ล่ะ?
ฉันเองยังไม่รู้เลย ฉันจำอะไรไม่ได้เลย
ทั้งๆ ที่ความทรงจำดีๆ สมัยนั้น ยังคงอยู่ครบถ้วน
แต่พอแม่เล่าให้ฟังแล้ว...
พยายามนึกเท่าไร ก็นึกไม่ออกจริง
... ว่าคุณครูตีฉันทุกวัน โดยไม่มีเหตุผล

ที่น่าเศร้ายิ่งกว่า ก็คือ ครูอย่างนี้มีเยอะ!

จำได้อย่างเดียวว่า ฉันถูกตะคอกเพราะมองครูแต่งหน้า
ไม่ใช่ครูประจำชั้นด้วยนะ เป็นครูห้องข้างๆ
สมัยก่อนห้องเรียนของตึกนั้นไม่เชิงเป็นห้องเท่าไร
เป็นใต้ถุนสูง ไม่มีกำแพง มีตู้ไม้สีเหมือนลูกกวาดกั้นแบ่ง อ.2/5 กับ 2/6
ฉันอยู่ 2/6 (ย้ำว่า อนุบาล!) ฉันคัดลายมือผิดบ่อยๆ เลยถูกคัดเดี่ยว
คือ ให้ไปยืนคัดลายมือคนเดียวที่ตู้ไม้สีลูกกวาดนั่นแหละ
ตู้นั้นสูงพอๆ กับความสูงของเด็กเวลาที่ยืนเขียนพอดี
(มันมีไว้ทำโทษเราโดยเฉพาะหรือเปล่าเนี่ย? =__=)
แล้วไอ้เจ้าตู้นี้ดันไปติดกับโต๊ะคุณครูห้อง 2/5 พอดี
พูดง่ายๆ >> ครูนั่งแต่งหน้าตรงหน้าฉันนั่นแหละ!
4 ขวบนะเฟร้ย! จะไม่ให้มองได้'ไง!!
'มองอะไร! คัดไปสิ!!' เสียงนางยักษ์แว้ดแว๋ขึ้น
จึงเอวังค์ด้วยประการฉะนี้ (=__= lll)

อนุบาลสามก็ดันได้อยู่ห้องยัยนี่อีกนะ!
โชคดีนี่มีเพื่อนเจ๊่าะแจ๊ะ วิ่งไปฟ้องแม่ของฉันเข้าวันหนึ่ง
(ขอบคุณจริงๆ แต่จำไม่ได้ว่าเธอผู้นั้นเป็นใคร)
ซึ่งเรื่องนี้นี่ ฉันจำไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
เด็กๆ พอโตมา ก็คงเลือกที่จะลืมบางอย่างไปเองละมั้ง
'คุณแม่ขา ครูปุ้มตีหนอทุกวันเลยค่ะ'
แม่ของฉันเข้าพบครูใหญ่ทันที เพื่อขอย้ายห้อง
ครูใหญ่ทำท่าจะไม่ยอม แม่จึงซักไซ้อยู่พักหนึ่งจึงสรุปได้ว่า:
'ขอย้ายไปอยู่ห้องที่คุณครูประจำชั้นมีลูกแล้วด้วยค่ะ'
อ๋อ นังปุ้ม ไม่รักเด็กนี่เอง เชอะ!
เปลี่ยนอาชีพยังทันนะ หล่อน

มาดูตอนอยู่ประถมกันดีกว่า
เรื่องน่าซึ้งใจมากทีเดียว ^ . ^ "
เอาคร่าวๆ ...
ป.2 ครูภาษาอังกฤษสอนว่า
บัฟฟาโล แปลว่า ควาย
พหูพจน์ เติม - es
บัฟฟาโล - เจส แปลว่า ความหลายตัว!
อืมมม~ เจริญ!!

ป.4 ครูภาษาไทยเห็นฉันหยุดอ่านกลอน
ทุกคนในห้องอ่านด้วยกัน แต่อยู่ดีปากฉันก็ไม่ขยับ
จริงๆ ฉันยังมองหนังสืออยู่นะ
แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นง่วงหรืออะไร
ตะละแม่ก็เรียกชื่อครั้งหนึ่ง
ฉันอ่านต่อ แต่ก็ได้แป๊บเดียว
คราวนี้ยัยกุสุมาเดินตรงมาหยิบหนังสือเรียนของฉัน
ขว้างออกไปนอกห้อง แล้วไล่ฉันไปคุกเข่าอ่านคนเดียว
...

โรงเรียนนี้เอาแค่นี้ดีกว่า
เพราะจริงๆ แล้วตอนนั้น ฉันรักโรงเรียนนี้มาก

มีคำศัพท์ประจำวันจากเพื่อนที่เรียนสาธิตชื่อดังเล่าให้ฟัง
'แก ครูฉันบอกว่า เวิร์ค เอาท์ แปลว่า "ทำงานนอกบ้าน" แหละ...'

โอ้ว... ซึ้ง~

มาดูที่ภาษาอังกฤษม.ปลายกันดีกว่า น่าสมเพช สุดๆ
จำกันได้ไหม ที่ช่วงนั้นมีข่าว ครูไทยทำข้อสอบได้ 2 เต็ม 100
เออ อารมณ์นั้น
ครูภาษาอังกฤษของฉันไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำ
และไม่ใช่คนเดียวด้วยนะ
คงไม่มีใครเลือกครูโรงเรียนฉันไปละมั้ง
ไม่อย่างนั้นต้องรู้ผิดชอบชั่วดีกันไปแล้ว
มาดูคำศัพท์ประจำวันกัน
เชา แปลว่า วุ่นวาย
...
งงไหม? >> chaos 'ไง

โอล แปลว่า นกฮูก =__=
เลียวเพิร์ด แปลว่า เสือดาว >> อันนี้เห็นใจจริงๆ
เพราะเธออ่านตามที่สะกด
แต่ไม่ว่าจะเป็นภาษาไหน ทั้งไทย, อังกฤษ, เกาหลี...
มันจะมีคำที่อ่านไม่ตรงกับที่เขียน

เฮ้อ~

แล้วพวกครูชายขี้หลีนี่ ขอเถอะ
เพราะพวกเราต้องการใบรบ. หรอกนะ
จึงไม่อยากมีปัญหา

มีครูพละหนึ่งตน (ขอเรียกเป็น 'ตน' ก็แล้วกัน)
ที่ไม่ให้นักเรียนชายกับตุ๊ดได้ 4 เลย
อ้าว~
มีอีก ท้านักเรียน (ที่ออกจะเกเรหน่อย) ต่อย
ถ้าชนะครู >> สอบตก
อ้าว~
มีอีก ยังไม่หมด
ครูสุขศึกษา ให้จิตพิสัยโดยดูจากคาบสุดท้ายก่อนสอบ
ไม่แปลกใช่ไหม? แต่เขาดูจากที่นั่งนะ?!?!
แถวหน้า 10, ถัดไป 9, ถัดไป 8, ... จนถึง 6
คนที่เข้าคาบแรกและคาบเดียว >> ได้ 10 เพราะรู้แนวคนสอน
เข้าทุกคาบ ตอบทุกคำถาม เนิร์ด เดินช้า ไม่ช้ากว่าเพื่อน >> 6
...
เฮ้อ~

มหาวิทยาลัยก็มีนะ เรื่องน่าประทับใจอย่างนี้
อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว 555+
โลกนี้มีแต่เรื่องสนุกเนอะ จริงไหม?
เด็กไทยนี่ช่างเป็น 'ขุนพล' ที่ต้อง 'ประจัญบาน' กับเหล่าร้ายจริงๆ

คน < หมา (อยากแฉคุณขอทาน)

จริงๆ แล้วฉันเห็นใจคนพิการทั่วโลกนะ
แต่งานนี้ขอจริงๆ ไม่งาม ไม่งาม =__=

นานมาแล้วเคยได้ดูรายการโอปราห์
ตอนที่เขาเอาหมาสองขามาออก
ยังมีอยู่ในยูทูปเลยมั้ง ออกหลายรายการอยู่
หมาตัวนี้มีสองขาหลังตั้งแต่เกิด
หมอแนะนำให้เจ้าของฉีดยาให้ตาย
เพราะ ถ้าเลี้ยงไป หมาจะไถตัวไปจนถลอก
เจ้าของไม่ยอม จึงสอนมันให้ยืน
โดยเอาเนยถั่วเป็นเครื่องมือ ^.^
จนในที่สุด...
มันก็เดินสองขาเหมือนคน!
สุดยอดมาก อยู่มานานแล้วเหมือนกันนะ

พี่ชาย (ในรูปนั่นแหละ) ที่เดินผ่านมาพอดีพูดขึ้นว่า
'ขอทานเมืองไทยต้องไปกราบเท้ามันหน่อยแล้ว'
อันนี้ไม่ได้พาดพิงหมอดูเมืองไทยนะ เอาแค่ขอทานพอ

ประสบการณ์ขอทานอันน่าประทับใจนี้มีอยู่มากทีเดียว
รายหนึ่ง คือ คุณคนที่นั่งถือป้าย 'ผมตาบอด...'
คือ ใจความมันยาวกว่านี้ แต่ประเด็นคือเขาตาบอด
เพื่อนของพี่ชายฉันก็แมนเกินร้อย ง้างขาจะเตะทันที!
คุณคนนั้น... เขาโยกตัวหลบได้ล่ะ!!
บู๊ลิ้มมาก น่าชมเชย
ตาไม่ได้บอดนี่หว่า... สึด!!!

อีกรายปกติดีทุกอย่าง
ให้เหรียญไป... มันด่า!
ไอ้พวกไม่รับเหรียญนี่นึกว่ามีแต่พนักงานห้างเต่าถุย
ขอทานนี่ก็เลือกได้เหมือนกันหรือ?!
แหม เงินใช้ได้ตามกฎหมาย
มีสิทธิบ่นเนอะ เกิดเป็นขอทาน!!

บางคนเป็นป้าแก่ดูใจดี
นั่งอยู่ตรงทางลงสะพาน บนบาทวิถี
ด้านหลังมีกระเป๋าวางไว้...
คือ ป้ามาทำงาน ว่า'งั้น?
เช้าหิ้วมา วางปุ๊บ เข้างานเลย?!?!
กระเป๋าของเธอแน่ๆ ล่ะ ไม่ใช่เก็บได้
สะอาด เอี่ยม ดีไซน์ 199 อย่างนี้ ใช่เลย

เฮ้อ~

'... นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา'

2008-12-17

A's

ตัว A
เลข 4
ไม่ใช่กระดาษขนาด A4 แต่เป็น 'เกรด' ในฝัน (?)

เด็กสมัยนี้ (หรืออาจจะทุกสมัย) หน้ามืดตามัวกับเกรดเกินไป
เผอิญว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น เลยอยากบอกเล่าความคิดเห็นหน่อย
เผื่อว่าคนที่ได้เกรดดีๆ จะนำความฉลาดนั้นมาใช้คิดเสียบ้าง
sapare aude กันหน่อย!

เด็กน่าเศร้ามีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
1. เด็กที่เรียนเก่งจริงๆ
2. เด็กที่...เพื่อเกรด (คือ จริงๆ แล้วโง่)

มาดูที่ประเภทแรกกันก่อน
'พวกที่มาเรียนเพื่อให้ได้ A'
อันนี้ดูจะผิดตรรกะดั้งเดิมของการเรียนรู้ไปมากทีเดียว
แต่เหมือนกับว่าทุกคนก็ทำ ไม่เห็นแปลกอะไร
ถ้าอย่างนั้นมาอ่านเรื่องจริงของเด็กเรียนคนหนึ่งกัน...

สมัยนี้โรงเรียนมัธยมมีวิชา AP มากขึ้น
ซึ่งก็คือ Advanced Placement Program ที่เริ่มในอเมริกา
ตั้งแต่ประมาณปี 1955 เห็นจะได้
เป็นการนำความรู้ระดับอุดมศึกษามาให้เด็กเรียนล่วงหน้า
เด็กที่เรียนวิชาเหล่านี้ตอนม.ปลายและสอบผ่าน
ก็จะได้หน่วยกิตของวิชานั้นไป
เท่ากับว่าเป็นการลดภาระในชีวิตมหาวิทยาลัยไปได้มาก

บางโรงเรียนก็บังคับให้เด็กต้องสอบวิชา AP ให้ได้เกรด 4
ซึ่งก็ไม่ทราบว่าขึ้นอยู่กับอาจารย์หรือว่าใครกันแน่
แต่ก็ถือว่าผิดหลักการ AP อยู่เหมือนกัน
จะมีเกรดมาทำไมล่ะ? ได้ A กันหมดนี่!

รุ่นน้องคนหนึ่ง จบจากโรงเรียนมัธยมชื่อดัง
AP วิชาภาษาไทย ได้เกรด A
แต่ทว่า...
มหาวิทยาลัยที่น้องสอบเข้ามาได้นี้...
ไม่นับวิชาดังกล่าวเป็นวิชาเลือกเสรีของคณะ!

ประเด็นคือ น้องคนนี้ (และพวก) ไม่ได้ชอบภาษาไทย
วิชาเลือกที่ลงก็ไม่ใช่สิ่งที่สนใจเป็นพิเศษ
มีบังคับให้ลงกี่หน่วยกิต ก็ลงทะเบียนเท่านั้น

และตอนนี้...
สิ่งที่พวกเขาหวังไว้ว่าจะมาดึงเกรดเฉลี่ย
กลับเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า

ว่าแล้วก็...
ล่ารายชื่อเรียกร้องให้พิจารณานับหน่วยกิตกันไปตามเรื่อง

(=__=)

จริงอยู่ ที่คนคะแนนดีมักจะหางานได้ง่ายกว่า
ได้งานที่ (อาจจะ) ดีกว่า
รายได้ที่ (อาจจะ) ดีกว่า

แต่เราจะมาเรียนกันทำไม?
ถ้าเราไม่สามารถเรียนรู้สิ่งที่เราอยากรู้ได้

การค้นหาคำตอบของสิ่งที่อยากรู้ในอินเตอร์เน็ต...
เป็นเรื่องง่ายก็จริง
แต่มันก็ไม่เหมือนการเรียนในมหาวิทยาลัยหรอก
1 วิชา 1 ภาคเรียน
ทั้งรายงาน ทั้งข้อสอบ

วิชาที่สอนการจัดกระบวนทัพแบบโบราณ
วิชาการยุทธศาสตร์การสงคราม
วิชาวรรณกรรมตะวันออก-ตะวันตก
ฯลฯ

แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราเจริญขึ้น
เราไม่ได้ซื้อกับข้าวถูกลง
แม่ค้าในตลาดไม่ได้เอ็นดูเรามากขึ้น
โลกนี้ไม่ได้ร้อนน้อยลง

แต่มันทำให้ตัวเรามีคุณค่า
คุณค่า แบบไหน อย่างไร >> ก็อธิบายยากอยู่นะ
เอาเป็นว่าการทำข้อสอบได้ดี...
แต่พอต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนแล้วพูดไม่ได้เนี่ย...
ถือเป็นความน่าอัปยศอย่างหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้

ที่เกาหลี มีคนจีนเต่าถุยเรียนอยู่มาก
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันสอบผ่านจะมากได้อย่างไร
เพราะว่าพูดไม่เป็นเรื่องกันเลย พูดได้ไม่เป็นประโยคด้วยซ้ำ!
เรียนอยู่ขั้นสูงแล้วยังจะมีหน้ามาโง่อีก (- m -)

น่าสมเพชนะ คนพวกนี้

(=__=)

อย่าสักแต่ว่าเรียนกันเลย
เรียนให้จบเร็ว
เรียนให้ได้เกรดดี
เรียนให้มีเกียรตินิยมประดับฝาบ้าน

โถ... มันไม่ต่างอะัไรกับโจรปล้นร้านทองที่ใส่เสื้อรักในหลวงหรอก
คุณค่าของคนมันอยู่ที่ไหนกันนะ?

...

พอมีอุปสงค์ อุปทานก็ตามมา
การแลกเปลี่ยนจึงเกิดขึ้น
ทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน

อาจารย์บางคน...นักศึกษา
ทั้งสมยอมและหลอกลวงไป

ปริญญาตรี โท เอก

พี่สาวคนหนึ่งที่เป็นคนเรียนดีมาแต่ไหนแต่ไร
เกือบไม่จบปริญญาโท เพราะปฏิเสธที่จะไปโรงแรม!

อาจารย์หรือนั่น?!

เสื้อรักในหลวง...
อาจารย์ที่จบป.เอกจากต่างประเทศ...
คนที่ประวัติการศึกษาไร้จุดด่างพร้อย...

สุดท้าย

ก็เหมือนกันหมดทั้งนั้น!!

ที่สูง?!

หลายคงอาจจะคิดว่า 'ที่สูง' นี้หมายถึงเพลงของนักร้องท่านหนึ่ง
แต่ไม่ใช่... 'ที่สูง' คือ ระดับของภาษาที่แทบจะแยกไม่ออกแล้วว่า
คำไหนควรใช้ ไม่ควรใช้ ไม่รู้จัก 'ที่สูง' ที่ต่ำ นั่นเอง

จะตั้งคำถามทิ้งไว้ก็แล้วกัน ลองคิดดูเล่นๆ ก็ได้
ว่าทำไม...

ทำไมต้อง 'ปลุกใจเสือป่า' ?
เสือป่านี่ ไม่ได้ต้องเกี่ยวกับ
กองทหารของพระมหากษัตริย์บางพระองค์หรือ?

แล้วทำไมต้อง 'พระราม 9 คาเฟ่' ?
ก็รู้นะว่าเป็นชื่อถนน แต่ไม่รู้กันหรือว่าเป็นของสูง?
พระราม 9 >> รัชกาลที่ ๙ นะ...

ชื่อถนนอีกเหมือนกัน >> 'ตากสินคาเฟ่'
โอย... ไม่ไหวล่ะ ภูมิปัญญาชาวบ้าน (= o =)

สมกับเป็นประเทศกำลังพัฒนาจริงๆ

ผลโหวตจากท่านผู้ชม?!

ประเด็นหนึ่งที่คนเกาหลีพูดถึงกันมาก
โดยเฉพาะช่วงส่งท้ายปลายปีเช่นนี้
ก็คือ เรื่อง 'ผลโหวตจากทางบ้าน'
หรือที่เรียกว่้า 'เนติเซ่น' (internet citizen) นั้น
บางสำนักอนุญาตให้โหวตได้เกิน 1 ครั้ง (ต่อ 1 คน)
ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า
การประกาศรางวัลที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน
ไม่มีความน่าเชื่อถือเท่าไรนัก
คล้ายเป็นการเปรียบเทียบจำนวนแฟนคลับของแต่ละคนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ต่อให้มีกรรมการเป็นผู้ตัดสิน
ก็ใช่ว่าจะไม่มีผลประโยชน์ของแต่ละค่ายเข้ามาเกียวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวงการเพลงของเกาหลี
ซึ่งเห็นช่องโหว่ในการประกาศรางวัลมากเสียยิ่งกว่า
วงการนักแสดงทั้งจอเงิน-จอแก้ว ด้วยซ้ำไป

พูดถึงจอเงินทางฝั่งเกาหลีนี่ก็ไม่ค่อยจะรุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อน
พูดกันแค่รายรับจากการฉายอย่างเดียวก็น่าเศร้าพอใช้เลย
จะว่าเป็นผลจาก FTA ก็ใช่

และพอพูดถึง FTA ก็อดพูดถึงวาทะอันน่าประทับใจ (?)
ของอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ไม่ได้
จะเรียกว่า 'Roh Doctrine' ก็ไม่น่าจะผิดนัก 555+

ท่านประธานาธิบดีถามตัวแทนนักแสดงในที่ประชุมว่า
'คุณไม่มั่นใจหรือว่า ผลงานของคุณเป็นผลงานที่ดี?'
...
'ถ้าผลงานดีเสียอย่าง คนเขาก็ต้องไปดูอยู่แล้วสิ'
...

อืมมม~ โน คอมเม้นต์ ดีกว่า เดี๋ยวยาว ^ m ^

Cinderella

ตอนฉันเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาในปี 2001-2002 นั้น
ฉันมีโอกาสได้ดูละครเพลงของโรงเรียนอยู่บ้าง
'ทำไมเด็กมัธยมถึงทำได้ขนาดนี้นะ?' ฉันถามตัวเองบ่อยครั้ง

ครั้งหนึ่งฉันได้ดูเรื่อง Cinderella ซึ่งใช้บทประพันธ์ดั้งเดิมของ
Rodgers & Hammerstein ที่เขียนขึ้นในปี 1957

มีเพลงอยู่เพลงหนึ่งซึ่งฉันยังคงจำได้อยู่จนถึงวันนี้...
เพลง Impossible ที่นางฟ้าร้องกับซินเดอเรลล่า

... For the world is full of zanies and fools
who don't believe in sensible rules
and won't believe what sensible people say
and because these daft and dewey-eyed dopes
keep building up impossible hopes
IMPOSSIBLE THINGS ARE HAPPENING EVERYDAY!

อืม~ ความจริง ทุกเรื่องรอบตัวเราที่ดูเป็นเรื่องหรรษา
ถ้าเรามานั่งพิจารณากันจริงๆ แล้ว
เราจะพบกับสารัตถะบางอย่างที่มีคุณค่า

คุณเคยเจอคุณค่าแบบนั้นหรือยัง?

2008-12-15

ครูบาอาจารย์ที่ท่านประทานความรู้มาให้...

ครูที่สอนผิดนั้น >> มีอยู่มากจนน่าปลงสังเวช
อยากจะเล่าให้ฟังนะ แต่ก็กลัวจะถูกหาว่าเนรคุณ
เอาเป็นว่า จะเลือกโรงเรียนให้ลูก-หลานก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน
เพราะความรู้ผิดๆ ที่ว่าน่ะ ... คือ ผิดมหันต์เลยนะ

ไม่ใช่แค่ความรู้นะ
แต่นิสัยใจคอ กริยามารยาท
การลงโทษที่เกินกว่าเหตุ
ทั้งหมดที่ฉันเจอกับตัวเองตอนประถม...
เพิ่งมารู้ว่ามันต่ำช้าก็ตอนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
ทั้งๆ ที่ประวัติฉันก็ไม่ได้น่าเป็นห่วงเลยนะ
เรียนเด่น เล่นดี ตรงตามมาตรฐานเลยเชียว
2 ขวบ - ป.6 นี่ก็โรงเรียนเอกชนชื่อดังทั้งนั้น
แต่ก็... นะ ~

เฮ้อ... เห็นหัวข้อที่เขียนเองแล้วก็ ปวดหัวจี๊ด (=__=)
พอแล้วดีกว่า

ป.ล. อย่าลืมนะ จะเลือกโรงเรียนก็ดูดีๆ ล่ะ

หมอ: สารัตถะของวิชาการเมือง

คงมีคนสงสัยว่า blog นี้ เป็นเว็บปลุกระดมทางการเมืองหรือไม่
ทำไมจึงดูมีสาระเกินกว่าการเขียนเพื่อ 'บ่น' ทั่วไป
จะบอกไว้ตรงนี้ว่า 'ไม่ใช่' ..!!
ไม่ได้ต้องการเขียนเกี่ยวกับการเมืองโดยตรง
แต่เป็นคนที่เรียนการเมืองมา (และไม่ได้ใช้ =__= lll)

จำได้ว่าวันปฐมนิเทศตอนเข้าปี 1 อาจารย์บอกว่า:
'... เราเรียนรัฐศาสตร์ไป เพื่อเป็น "หมอ" ~ หมอของโลก'

ตอนเรียนอยู่ปี 3 อาจารย์อีกท่านหนึ่งเล่าว่า:
'คนไทยที่ (ได้ชื่อว่า) เรียนรัฐศาสตร์นั้น...
ใช่ว่าจบออกมาจะเข้าใจการเมืองได้เท่ากัน'

ประโยคหนึ่งที่ติดหู ไม่มีทางลืม:
'... คุณรู้ไหม? ผมต้องรีบขอตัวกลับบ้านเลย...'
เรื่องมีอยู่ว่า อาจารย์ต้องไปบรรยายที่สถาบันอื่น
โดยที่ผู้ฟังล้วนเป็นเด็กปี 4 เตรียมจบเป็นบัณฑิต
เป็น 'ปัญญาชน' ของประเทศชาติ
หลังจบการบรรยาย นักศึกษาคนหนึ่งเข้ามาถามคำถาม...
ซึ่งเป็นคำถามที่ทำให้อาจารย์เศร้าใจ = o = "
เนื่องจากมันเป็นคำถามที่ผิดพลาดรุนแรง
ชนิดที่ต้องแก้กันตั้งแต่ความรู้พื้นฐานเลยทีเดียว

อีกเรื่อง เพื่อนคนหนึ่งเคยมีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่จากสถาบันอื่น
ตอนนั้นพวกเราเด็กมาก ปี 2 เห็นจะได้
พอคุยกับปี 4 เลยไม่กล้าถามอะไรยาก
เอาความรู้ปี 1 เลยละกัน...

แต่..!!

พี่คนนั้น เขาไม่รู้จักบุคคลที่เพื่อนของฉันกล่าวถึง (อ้าว?!)

โอย... อนาคตของชาติ = m = "

อีกเรื่อง (ยัง~ ยังไม่หมดง่ายๆ) เคยนั่งรออะไรอยู่สักอย่าง
แล้วมีผู้ปกครอง (ของเด็กม.ต้นสักคน) ท่านหนึ่งชวนฉันคุย...
ท่านบอกว่าท่านกำลังเรียนรัฐศาสตร์กับมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง
(คือ อ่านเอง แล้วไปสอบ)
...
ช่างเป็นบทสนทนาที่น่าอึดอัดเสียจริง
เพราะว่า คุณพ่อท่านนั้น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยย~
ไม่มีความรู้อะไรบ้างเลย... จริงๆ นะ!! ให้ตายเถอะ (T o T)

รัฐศาสตร์นี่ยากมากเลยใช่ไหม?
(เออดิ! กว่าจะจบมาได้~)

ไม่ว่าจะเป็นตอนแนะนำตัว หรือฟังคนเขาพูดคุยกัน
ฉันมักรู้สึกแปลกแยกอยู่เสมอ
คนส่วนใหญ่ ไม่คิดว่าฉันเรียน การเมือง การทูต
คนจำนวนหนึ่ง ถามฉันว่า รัฐศาสตร์ เกี่ยวกับอะไร
คนอีกหลายคน พยายามโชว์ภูมิความรู้เพื่อจะเสวนา...
แต่ฉันไม่เคยพูดเรื่องการเมืองกับคนที่ไม่คุ้นเคย
และไม่คิดจะให้ความเห็นใดใดกับคนที่ถามเรื่องการเมืองเลย

ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ไม่ใช่แค่เพราะว่า คนเราคิดไม่เหมือนกัน
แต่เพราะคนเราเข้าใจและเลือกที่จะเข้าใจไม่เท่ากันต่างหาก
'ระดับความรับรู้' และ 'สังคมรอบข้าง' ...
(หรือพูดให้ง่ายกว่านั้น คือ 'ไอคิว' และ 'กำพืด')
ทำให้คนเราตัดสินความผิด/ชอบ/ชั่ว/ดี แตกต่างกันออกไป

อำนาจมีอยู่ 3 ระดับ จริงไหม?
ระดับแรก อำนาจเหนือการกระทำ >> สั่งให้ทำโดยตรง
ระดับที่สอง การไม่ตัดสินใจเป็นการตัดสินใจอย่างหนึ่ง
ระดับที่สาม อำนาจเหนือความคิดและจิตใจ >> ครอบงำให้หลงเชื่อ

อำนาจระดับที่สามนี้ ผู้ตกอยู่ได้อำนาจ ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองอยู่ใต้อำนาจ
ไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ เสมือนเป็นลัทธิอะไรสักอย่าง

บางครั้งฉันสงสัยว่า ทำไมคนบางคนจึงหลงเชื่อเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นบางเรื่อง
เพราะคนพูดเก่ง
เพราะคนฟัง... ไม่เก่ง
หรือ ค. ถูกทุกข้อ~

รัฐศาสตร์ คือ ศาสตร์แห่งรัฐ
โลกเรามี 'รัฐ' เพราะ คนต้องการสังคม
คนเราต้องอยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยกัน
มีกลุ่ม มีพวก เพราะไม่มีใครสามารถทำทุกอย่างได้

รัฐศาสตร์ จึงสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกอณูของชีวิต
คนทั่วไปจึงน่าจะทำความเข้าใจรัฐศาสตร์เบื้องต้น
(ซึ่งเป็นแขนงของสังคมศาสตร์) ไว้ประดับความรู้บ้าง

แต่คนส่วนใหญ่กลับเป็นแค่ 'ประชากรโดยกำเนิด'
คือ เกิดมาให้เขาปกครอง ไม่ต้องการความเข้าใจใดใด
เพราะตนเองไม่ใช่ผู้ปกครอง

แล้วประชาธิปไตยนี่... ประชาชนเป็นผู้ปกครองไม่ใช่หรือ?
ช่วย... มีความรู้กันหน่อยเถิด~

เพื่อนๆ ที่จบมารุ่นเดียวกัน หากไม่เรียนต่อก็ทำงาน
แต่ก็ไม่ใช่งานที่เกี่ยวกับรัฐศาสตร์เลย

และถึงแม้ว่าใครสักคนจะลุกขึ้นมาทำงานการเมือง
ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาคนนั้นจะช่วยกู้วิกฤติโลกได้นี่นา~

หลายครั้งที่ฉันพยายามตอบเรื่องการเมืองอย่างง่ายที่สุด
เพื่อให้ผู้ถามได้อะไรกลับไปคิดเองบ้าง
เพราะเรื่องอย่างนี้ต้องให้คนแต่ละคนคิดเอง เลือกเอง ไม่ใช่หรือ?
ไม่ใช่ว่าสักแต่หาพวกให้มาก หรือล้างสมองให้คนอื่นเชื่อตาม

ฉันเคยคิดเล่นๆ ว่า ฉันอยากเป็นคนดัง
ฉันจะได้ใช้ความดังนั้นทำประโยชน์บ้าง
คนธรรมดาที่มีอุดมการณ์ หรือความคิดดีๆ นั้น...
โลกมักไม่อยากจำสักเท่าไร
เผลอๆ ไปทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ความคิดดีๆ นั้น จะทำให้ไม่ตายดี +__+ "

ฉันเคยสัญญากับเพื่อนคนหนึ่งว่า วันหนึ่งฉันจะทำให้โลกมีความสุข
ฉันจะเล่นตลกเป็นภาษาเกาหลี!
จนถึงวันนี้ ฉันยังคงจำที่สัญญานั้นได้
มันฟังดูงี่เง่าใช่ไหมล่ะ?
นั่นเป็นเพราะว่า 'คุณไม่รู้จักฉันดีพอ' น่ะสิ!!

ฉันคงไม่เสียเวลามานั่งบอกว่าฉันเป็นคนดีหรอกนะ

ถึงคุณทุกคนที่มาอ่าน blog นี้...
คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อสิ่งที่ฉันอยากจะบอก
คุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาอ่านถ้าคุณมีธุระ
เพราะฉันก็เป็นปุถุชนเหมือนกับคุณ
ฉันไม่ใช่ลูกดีเด่น ไม่ใช่น้องที่ดี
ไม่ใช่ศิษย์ที่เชื่อฟังทุกเรื่อง
(ไม่ได้เกียรตินิยมด้วย >> ได้ 3.24 = . = ")
ไม่ใช่เพื่อนที่รับฟังทุกคนด้วยรอยยิ้ม
ไม่ใช่รุ่นน้องที่เคารพรุ่นพี่ตามธรรมเนียม
ฯลฯ

แต่ blog ที่มีไว้บ่นนี้...
เป็นสิ่งเล็กๆ ที่จะทำให้สิ่งที่ฉันรู้ไม่สูญเปล่า
เป็นการใช้ขี้เลื่อยในหัวทึบๆ นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ^ . ^ "

ฉันไม่เคยดูช่าวการเมือง จนกระทั่งตอนเข้าปี 1
ฉันทำรายงานอย่างลำบาก เพราะไม่ได้ฉลาดเหมือนเพื่อนบางคน
ฉันไม่ใช่คนระดับรากฝอย ที่ต้องคำนึงถึงปากท้องทุกวี่วัน
เพราะฉะนั้น ถ้าฉันจะทำตัวไม่รับผิดชอบสักหน่อย...
ฉันก็แค่ดูหนัง-ฟังเพลงเกาหลี หรืออะไรที่บันเทิงใจไปวันๆ
ไม่ต้องสนใจเรื่องราวรอบตัวก็ได้นี่ จริงไหม?
ก็คนคนเดียวมันช่วยโลกไม่ได้นี่นะ ~

ฉันว่าฉันคงจะรู้สึกผิดมั้ง...
น่าละอายใจจริงๆ
อุตส่าห์ได้เป็นลูกศิษย์อาจารย์ แต่ไม่ได้เป็น 'หมอของโลก'

'เกิดเป็นสิงห์เจ้าจงหยิ่งในสิงห์ศักดิ์ เกิดเป็นนักรัฐศาสตร์องอาจหาญ...'

(และพวกเราก็มีรุ่นพี่ที่น่าภูมิใจในแวดวงการเมืองหนิ 555+)

อำนาจ/พันธกรณีแบบอสมมาตร

อสมมาตร คือ สองด้านไม่เท่ากัน

สิ่งที่อยู่ในความกังวลของประชากรโลกนับตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา
คือ การที่ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐครอบครองอำนาจความรุนแรง
มีอาวุธที่มีประสิทธิภาพการทำลายล้างสูง

อะไรคือสิ่งที่ไม่เท่ากัน?
ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมีองค์ประกอบเท่ากับรัฐ
แต่ใช้ความรุนแรงในระดับเดียวกัน
ไม่มีการผูกพันธะใดใดกับกฎหมายระหว่างประเทศ

แบบที่มุมไบ... = . = "

กรอบ

คิดนอกกรอบ...
แล้วกรอบมีไว้ทำไม?

กรอบ คือ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ มีไว้เพื่อให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ
เพื่อให้คาดการณ์ปฏิสัมพันธ์ต่อกัน รวมถึงพฤติกรรมของคนในสังคมได้

ถ้ากรอบของสังคมใหญ่กับสังคมย่อยขัดกัน?
คนเรามักมีความผูกพันทางจิตใจกับกลุ่มที่อยู่ใกล้เรามากกว่า
จึงมีโอกาสตัดสินใจตามสังคมที่ใกล้ชิดกับเรามากกว่า
แม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะขัดกับกระแสหลักในสังคมโดยรวมก็ตาม

ตัวอย่างเหรอ ~
ไม่บอกดีกว่า... ลองนึกๆ ดูสิ -_-lll

Soul Mate

บุคคลที่ร่วมวิญญาณกัน...

ฟังดูน่ากลัวพิลึก (ถ้าใช้คำแปลจากพจนานุกรม = - = ")
แต่ถึงอย่างนั้น คำว่า soul mate ก็โรแมนติคดีนะ
ตอนที่นั่งฟังเลคเชอร์ สมัยเรียน อาจารย์บอกว่า...
ปรัชญากรีกมีเรื่องโรแมนติคอยู่ด้วย
น่าเสียดายที่มันไม่ออกสอบ
เพราะเรื่องอย่างนี้นักเรียนมักจะจำได้ดีเป็นพิเศษไง 555+

เปลโต กล่าวว่า มนุษย์เราเริ่มหา 'คู่แท้' เมื่อซุสแยกร่างพวกเขาออกจากกัน
สมัยก่อน โลกเรามีชาย, หญิง และผู้ที่เป็นทั้งชาย/หญิง
อยู่มาวันหนึ่ง มนุษย์เหล่านี้เริ่มปรึกษากันเรื่องการปีนขึ้นสู่สวรรค์...
เพื่อแทนที่เหล่าทวยเทพ!
เทพเจ้าทั้งหลายไม่พอใจเหตุการณ์ดังกล่าว จึงคิดหาทางแก้ไข...
โดยการกำจัดพวกมนุษย์ที่ช่างเหิมเกริมเหล่านี้เสีย!
แต่ทว่า ซุส เทพแห่งเทพเจ้าทั้งปวงมีความคิดที่ดีกว่านั้น ~

แต่เดิมนั้น มนุษย์มีลักษณะแตกต่างกับปัจจุบันมาก
มี 4 แขน - 4 ขา, มี 1 หัว 2 หน้า

ด้วยเหตุนี้ ซุสจึงเสนอให้แยกร่างมนุษย์เหล่านี้เสีย ด้วยข้อดี 2 ประการ
1. เ้พิ่มจำนวนประชากรให้มากขึ้น
2. ทำให้กลุ่มมนุษย์อ่อนแอลง

นับตั้งแต่นั้นมา มนุษย์ทั้งหลายก็โหยหาคู่แท้ของตน
พยายามตามหาเพื่อที่จะพบ 'soul mate' ของตนในที่สุด

2008-12-14

ความรุนแรง - ความชอบธรรม

'รัฐ' เป็นเครื่องมือจัดการกับความรุนแรง (ระหว่างมนุษย์)
เป็นองค์กรการเมืองที่ผูกขาดการใช้กำลังความรุนแรงโดยชอบธรรม

ความรุนแรง มี 2 ประเภทใหญ่
1. การใช้กำลังประทุษร้าย
2. ความรุนแรงแฝงเร้น

รัฐต้องจำกัด 1 แต่ยังไม่พัฒนาถึงขนาดที่จะสามารถทำให้หมดไป
ต้องใช้ความรุนแรงเพื่อยุติความรุนแรง
รัฐจึงจำเป็นต้องมีกองกำลังไว้เพื่อการนี้
คือ จำกัด 1 ด้วย 1 ที่ 'ชอบธรรม'

2 เป็นสภาวะของความรุนแรงที่แฝงเร้นในชึวิตประจำวัน
ในโครงสร้างทางสังคม ในจิตใจคน จนเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ไม่ทำให้สังคมในวงกว้างตั้งคำถาม
เช่น การเหยียดสีผิว เป็นต้น

นอกจากนี้ 2 ยังเป็นสิ่งที่ให้คำอธิบายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยระเบียบแบบที่ 1 ถูกใช้เป็นเครื่องมือรองรับระเบียบแบบที่ 2
เพื่อรักษาระเบียบแบบที่ 2 ไว้
คนที่ไม่ถูกครอบคลุมโดยระเบียบแบบที่ 2 ก็จะคิดว่ากลุ่ม 2 นี้โชคร้าย

พูดง่ายๆ ...
คนที่ไม่ถูกกระทำโดยรัฐ จะไม่รู้สึกอะไรต่อความรุนแรงของรัฐ
เพราะกลุ่มคนที่ถูกเหยียด หรือถูกกระทำนั้น โชคร้ายเอง
หรือยิ่งไปกว่านั้น คือ การคิดว่าบุคคลเหล่านั้นสมควรได้รับความรุนแรงนั้นแล้ว

คำถามคือ:
ใครควรจะมีอำนาจควบคุมความรุนแรงไว้หรือ?
คนที่ถือครองอำนาจนั้นทำให้เรามีภัยได้หรือไม่?

ภาษาไทย

มีเนื้อเพลงสมัยเด็กๆ เพลงหนึ่งจะมาแบ่งปัน
มีรายการเรียลลิตี้โชว์นำกลับมาร้องใหม่ด้วย
มาดูกัน... (ว่ายัยผู้เขียนที่จะมาบ่นอะไรอีก = o = ")

เมื่อใดหัวใจกระวนกระวายสับสน
หวั่นไหวเพราะใครบางคนโดยไม่มีสาเหตุ
ปล่อยมันเป็นไปแค่เพียงเราลองเปิดใจ
จะพบว่ามีบางคนพิเศษเกิดขึ้นในใจเปลี่ยนโลกทันใด

มหัศจรรย์แห่งรักสร้างสรรค์พลังอันยิ่งใหญ่
ต่างคนอยู่ไกลแสนไกลกลับมาอยู่เคียงชิดใกล้
ก่อฝันในใจด้วยรักและความผูกพัน

เมื่อเธอสบตากับฉันต่างพบว่าใจเราไหวหวั่น
เป็นนาทีที่สำคัญจดจำต่อไปแสนนาน
เมื่อวันผ่านพ้นภาพยังคงอยู่ไม่เลือนลางจากหัวใจ

ดังเหมือนถูกแรงดึงดูดใจเธอกับฉันไว้เคียงคู่กัน
หากเมื่อใดที่กายต้องห่าง
จะอ้างว้างเพียงใดเงียบเหงาในใจเท่าไร

มหัศจรรย์แห่งรักสร้างสรรค์พลังอันยิ่งใหญ่
ต่างคนอยู่ไกลแสนไกลกลับมาอยู่เคียงชิดใกล้
ก่อฝันในใจด้วยรักและความผูกพัน

อบอุ่นดังดวงตะวันอ่อนหวานละมุนดังแสงจันทร์
เมื่อเราเอื้อมมือถึงกันโลกกลายหยุดหมุนชั่วกาล
จะมีเพียงฉันและเธอข้ามผ่านเขตคืนวันอันสวยงาม

และจากเนื้อเพลง เราจะเห็นว่า 'เพลงไทยเคยมีสัมผัสมาก่อน!'
ปัจจุบันนี้ แม้แต่สัมผัสนอก ซึ่งเป็นสัมผัสบังคับก็แทบจะไม่มีแล้ว!!
ภาษาไทยเราเข้าขั้นวิกฤติทีเดียว = * =
เด็กๆ เดี๋ยวนี้อยากเรียนภาษาเกาหลีกันเยอะเชียว
แต่ภาษาไทยของพวกเธอก็งูๆ ปลาๆ พอกัน
คือ ไม่ได้ว่าเรื่องที่อยากเรียนภาษาต่างชาติ
เพราะคนเขียนนี่ก็เด็กศิลป์-ภาษา พูดเกาหลีได้ด้วย
แต่ภาษาไทยง่ายๆ นี่ ไม่ควรผิดจริงๆ
วรรณยุกต์อะไร เสียงไหน... ถ้าไม่รู้ก็แย่นะ จริงไหม?

วิชา 2402430

หลายคนที่เพิ่งรู้จักกัน หรือแม้แต่คนที่รู้จักกันมานานอย่างผิวเผิน
มักจะไม่รู้ว่า คนอย่างฉันเรียนอะไรมา ทำอะไรเป็นบ้าง?
แต่รู้ไปก็เท่านั้น เพราะการที่คุณจะรู้จักคนคนหนึ่งอย่างลึกซึ้งได้นั้น
คนต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขา และต่อให้คุณใช้ชีวิตอยู่กับเขาก็ไม่จำเป็นว่า
คุณจะเข้าใจเขาจริงๆ
หลายคนมักสงสัยว่า ทำไมคน 'หน้าอย่างฉัน' ถึงเรียนรัฐศาสตร์
คนเรามักตัดสินคนอื่นจาก 'เปลือก' อยู่เสมอ จริงไหม?

รายงานตัวสุดท้าย ก่อนจบปี 4 ... ก่อนบินไปเกาหลี
คือ วิชา สัมมนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
รายงานที่มีคอนเซปต์ 'อยากทำอะไร ทำ!'
เป็นวิชาที่เจ๋งมากๆ
ทั้งวิชาบังคับตอนปี 3 และวิชาสัมมนานี้
เกิดมาทั้งที ต้องเรียน ^ o ^

รายงานของฉันเกี่ยวกับภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง 실미도
รวมถึงความเสื่อมถอยของแนวคิดคิดเรื่องรัฐศิลป์ของมาเคียเวลลี

'ความเข้มแข็งของรัฐ/ความมั่นคงของผู้ปกครองสำคัญกว่าจริยธรรมใดใด' จริงหรือ?
The end justifies the means ยังใช้ได้อยู่หรือ?

สาเหตุที่รัฐสมัยใหม่ไม่สามารถใช้แนวคิดรัฐศิลป์ในบริบทดั้งเดิม เป็นเพราะ :
- ลักษณะสังคมระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป
- ลักษณะอำนาจของผู้ปกครองที่เปลี่ยนแปลงไป
- ลักษณะอำนาจของผู้ถูกปกครองที่เปลี่ยนแปลงไป

อย่างนี้แล้ว เหตุการณ์ในปี 1968 ควรเกิดขึ้นหรือไม่?
หน่วยพิเศษ 684 เป็นเหยื่อจริงหรือไม่?

ฉันถูกสอนให้ตั้งคำถามกับประวัติศาสตร์ เพื่อเรียนรู้ เพื่อเข้าใจ
และวันหนึ่งยุคสมัยที่เรากำลังใช้ชึวิตอยู่นี้ ก็อาจถูกตั้งคำถามก็เป็นได้
ว่าแต่... 'เรา' กำลังเป็น 'เหยื่อ' ของใครอยู่หรือเปล่า?

The Wolf and the Shepherd

เขาว่ากันว่า การจะเป็นคนเลี้ยงแกะที่ดีนั้น ต้องเป็นหมาป่าด้วย
เมื่อมีแกะในฝูงป่วย คนเลี้ยงแกะย่อมต้องคำนึงถึงแกะส่วนมากก่อน
ทิ้งตัวที่ใกล้ตายเอาไว้ เพื่อไม่ให้แกะในฝูงที่เหลือต้องเดือดร้อน

ดูภาพยนตร์เรื่อง 'The Good Shepherd' แล้วลองคิดตาม

ศีลธรรมขึ้นอยู่กับ...

ศีลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศีลธรรมของผู้นำ
ขึ้นอยู่กับคำถาม 3 ข้อ ต่อไปนี้:
What is? อะไร?
What is good? อะไรดี?
What is possible? อะไรเป็นไปได้?

ตัวอย่าง:
1. อะไร? การเมือง
2. อะไรดี? นักการเมืองสุจริต ซื่อสัตย์ ไม่โกงกิน ฯลฯ
3. อะไรเป็นไปได้? นักการเมืองสุจริตอยู่ได้ไม่นาน จึงต้องมีกลเม็ด...

อะไรประมาณนั้น~

Phobias

Fear, actually, is all around ~

Thai politicians, too, have fears of their own.

Decidophobia - Fear of making decisions
Dikephobia - Fear of justice
Epistemophobia - Fear of knowledge (also
Gnosiophobia)
Ergasiophobia - Fear of work or functioning
Glossophobia - Fear of speaking in public or of trying to speak

Hagiophobia - Fear of saints or holy things

Isolophobia - Fear of solitude, being alone (also
Monophobia)
Liticaphobia - Fear of lawsuits

Mastigophobia - Fear of punishment (also
Poinephobia)
Metathesiophobia - Fear of changes
Neophobia - Fear of anything new

Ochlophobia - Fear of mobs

Onomatophobia - Fear of hearing a certain word or of names
Panophobia or Pantophobia - Fear of everything
Peniaphobia - Fear of poverty
Phronemophobia - Fear of thinking
Prosophobia - Fear of progress
Rhabdophobia - Fear of being severely criticized

Social Phobia - Fear of being evaluated negatively in social situations

But some fears could be exploited, though, by the people ^ . ^ "

Politicophobia - Fear or abnormal dislike of politicians
Tyrannophobia - Fear of tyrants

2008-12-13

อา.วุ.โส

อา.วุ.โส = ระบบที่ 'อายุ' และ 'วุฒิภาวะ' ทำให้เกิดสิ่ง 'โสโครก' ขึ้นในสังคม

เกาหลี เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ถูกหล่อเลี้ยงโดยระบบอาวุโส
หากคุณคิดว่าสยามประเทศของเรามีระบบเดียวกันล่ะก็ คุณคิดผิด!
ระบบอาวุโสในเกาหลีเป็นสิ่งที่คนต่างชาติมักคาดไม่ถึง
เข้มข้น กดดัน และรุนแรง
ฉันเคยเรียนเวสสันดรชาดก กัณฑ์มหาราช ที่่ว่า
การเป็นมหาราชหรือผู้ยิ่งใหญ่นั้น ย่อมต้องรู้จักกล่าวขอโทษผู้น้อย
อธิบายอย่างง่ายที่สุด เกาหลี คือ ประเทศที่ตรรกะกัณฑ์มหาราชฟังไม่ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ฉันจำบทสัมภาษณ์ของนักแสดงชาวเกาหลีท่านหนึ่งได้
เขากล่าวว่า เขาจะไม่ใส่ใจคำพูดของรุ่นพี่ที่ไร้เหตุผลเด็ดขาด
นับว่าน่าประทับใจ ฉันรู้สึกดีกับนักแสดงท่านนั้นประหนึ่งเจอเนื้อคู่
เป็นบุคคลหายากในเกาหลี โดยเฉพาะกับผู้ชายที่เกิดและโตในประเทศ
มีบทสัมภาษณ์อีกมาก ที่ทำให้รู้สึกชื่นชมความคิดของนักแสดงท่านนี้
แต่ที่ฉันไม่ได้ยกมาทั้งหมด ก็เพราะต้องการเพียงส่งสารสั้นๆ เท่านั้น
คือ หวังว่า ณ ประเทศไทยอันเป็นสถานที่รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยนั้น
จะไม่มีผู้อาวุโสที่ไร้เหตุผลมาแผ้วพาน = m = "
(คนเราต่างก็มีสิทธิจะฝันใช่ไหม?)

2008-12-12

(กะลายิ่ง)เล็ก(ชีวิต)นั้น(ยิ่งสวย)งาม(?!)

มีคนบอกไว้ว่า 'เล็กนั้นงาม' ...

ปิดเทอมนี้ ฉันกลับมาที่บ้าน
บ้านของฉันนั้นไม่สามารถให้ความรู้สึกที่เหมือนกับ 'บ้าน' ได้อีกต่อไป
เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างแห่งหนึ่งเท่านั้น

เป็นเวลาแปดเดือนแล้ว นับตั้งแต่ฉันเดินทางไปกรุงโซล
อยู่คนเดียว ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
นิยามของคำว่า 'บ้าน' ตลอดช่วงเวลานั้นจึงหมายถึง พื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ เท่านั้น

วันนี้ ฉันกลับมาที่บ้านหลังเดิมที่เมืองไทย
บ้านช่างดูกว้างขวางอย่างน่าประหลาด จะหยิบจับอะไรก็ดูไม่สะดวกไปเสียหมด
และห้องนอนก็กลายเป็นห้องเก็บของไปเสียด้วย
ใช่สินะ... ฉันหายไปนานจริงๆ

ฉันหายไปจากชีวิตของทุกคนที่นี่เป็นเวลานานจริงๆ ด้วย
เก็บตัวอยู่ในห้องเล็กๆ
ความสุข ความทุกข์ รอยยิ้มและน้ำตา สามารถหาได้ในที่แห่งนี้

กลับมาเมืองไทยได้สักพักแล้ว
แต่ยังคงรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
เป็นความคุ้นเคยที่มีความห่างเหินเจือปน
เหมือนอยู่ผิดที่ ผิดเวลา

หนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ตรงหน้า เป็นเพียงสิ่งพิมพ์ที่ทำให้มือเลอะ
แต่ละคอลัมน์ไม่ได้มีแก่นสารอะไรเป็นพิเศษ
ฉันยอมอ่านจดหมายของเพื่อนซ้ำไปมา ดีกว่าจะมานั่งรับรู้ความเป็นไปเหล่านี้

อินเตอร์เน็ตที่ว่าเร็ว เป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ด้อยค่า เมื่อเทียบกับอินเตอร์เน็ตที่เกาหลี
ฉันไม่สามารถติดต่อสื่อสารตามใจอยากได้เหมือนก่อน
น่าอึดอัดจริงๆ

ร้านกาแฟที่นี่ดูน่าหนวกหูเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างออกไป
หรือจะเป็นเพราะว่าฉันเข้าใจที่ทุกคนพูดกันนะ
ไม่สิ ไม่ว่าที่ไหน คนน่ารำคาญก็มีอยู่ไม่น้อยไปกว่ากัน
แต่ช่วงนี้ฉันไม่สามารถเขียนบทความดีๆ สักเรื่องได้เลย

ฉันคิดถึงกะลาสี่เหลี่ยมเล็กๆ ของฉัน
ชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องรับรู้อะไรมากมายหรอก
ไม่ต้องแสวงหาเรื่องวุ่ยวายใส่ตัว
แค่แสวงหา 'ความสุขเล็กๆ' ก็น่าจะพอแล้ว