ตัว A
เลข 4
ไม่ใช่กระดาษขนาด A4 แต่เป็น 'เกรด' ในฝัน (?)
เด็กสมัยนี้ (หรืออาจจะทุกสมัย) หน้ามืดตามัวกับเกรดเกินไป
เผอิญว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น เลยอยากบอกเล่าความคิดเห็นหน่อย
เผื่อว่าคนที่ได้เกรดดีๆ จะนำความฉลาดนั้นมาใช้คิดเสียบ้าง
sapare aude กันหน่อย!
เด็กน่าเศร้ามีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
1. เด็กที่เรียนเก่งจริงๆ
2. เด็กที่...เพื่อเกรด (คือ จริงๆ แล้วโง่)
มาดูที่ประเภทแรกกันก่อน
'พวกที่มาเรียนเพื่อให้ได้ A'
อันนี้ดูจะผิดตรรกะดั้งเดิมของการเรียนรู้ไปมากทีเดียว
แต่เหมือนกับว่าทุกคนก็ทำ ไม่เห็นแปลกอะไร
ถ้าอย่างนั้นมาอ่านเรื่องจริงของเด็กเรียนคนหนึ่งกัน...
สมัยนี้โรงเรียนมัธยมมีวิชา AP มากขึ้น
ซึ่งก็คือ Advanced Placement Program ที่เริ่มในอเมริกา
ตั้งแต่ประมาณปี 1955 เห็นจะได้
เป็นการนำความรู้ระดับอุดมศึกษามาให้เด็กเรียนล่วงหน้า
เด็กที่เรียนวิชาเหล่านี้ตอนม.ปลายและสอบผ่าน
ก็จะได้หน่วยกิตของวิชานั้นไป
เท่ากับว่าเป็นการลดภาระในชีวิตมหาวิทยาลัยไปได้มาก
บางโรงเรียนก็บังคับให้เด็กต้องสอบวิชา AP ให้ได้เกรด 4
ซึ่งก็ไม่ทราบว่าขึ้นอยู่กับอาจารย์หรือว่าใครกันแน่
แต่ก็ถือว่าผิดหลักการ AP อยู่เหมือนกัน
จะมีเกรดมาทำไมล่ะ? ได้ A กันหมดนี่!
รุ่นน้องคนหนึ่ง จบจากโรงเรียนมัธยมชื่อดัง
AP วิชาภาษาไทย ได้เกรด A
แต่ทว่า...
มหาวิทยาลัยที่น้องสอบเข้ามาได้นี้...
ไม่นับวิชาดังกล่าวเป็นวิชาเลือกเสรีของคณะ!
ประเด็นคือ น้องคนนี้ (และพวก) ไม่ได้ชอบภาษาไทย
วิชาเลือกที่ลงก็ไม่ใช่สิ่งที่สนใจเป็นพิเศษ
มีบังคับให้ลงกี่หน่วยกิต ก็ลงทะเบียนเท่านั้น
และตอนนี้...
สิ่งที่พวกเขาหวังไว้ว่าจะมาดึงเกรดเฉลี่ย
กลับเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
ว่าแล้วก็...
ล่ารายชื่อเรียกร้องให้พิจารณานับหน่วยกิตกันไปตามเรื่อง
(=__=)
จริงอยู่ ที่คนคะแนนดีมักจะหางานได้ง่ายกว่า
ได้งานที่ (อาจจะ) ดีกว่า
รายได้ที่ (อาจจะ) ดีกว่า
แต่เราจะมาเรียนกันทำไม?
ถ้าเราไม่สามารถเรียนรู้สิ่งที่เราอยากรู้ได้
การค้นหาคำตอบของสิ่งที่อยากรู้ในอินเตอร์เน็ต...
เป็นเรื่องง่ายก็จริง
แต่มันก็ไม่เหมือนการเรียนในมหาวิทยาลัยหรอก
1 วิชา 1 ภาคเรียน
ทั้งรายงาน ทั้งข้อสอบ
วิชาที่สอนการจัดกระบวนทัพแบบโบราณ
วิชาการยุทธศาสตร์การสงคราม
วิชาวรรณกรรมตะวันออก-ตะวันตก
ฯลฯ
แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราเจริญขึ้น
เราไม่ได้ซื้อกับข้าวถูกลง
แม่ค้าในตลาดไม่ได้เอ็นดูเรามากขึ้น
โลกนี้ไม่ได้ร้อนน้อยลง
แต่มันทำให้ตัวเรามีคุณค่า
คุณค่า แบบไหน อย่างไร >> ก็อธิบายยากอยู่นะ
เอาเป็นว่าการทำข้อสอบได้ดี...
แต่พอต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนแล้วพูดไม่ได้เนี่ย...
ถือเป็นความน่าอัปยศอย่างหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้
ที่เกาหลี มีคนจีนเต่าถุยเรียนอยู่มาก
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันสอบผ่านจะมากได้อย่างไร
เพราะว่าพูดไม่เป็นเรื่องกันเลย พูดได้ไม่เป็นประโยคด้วยซ้ำ!
เรียนอยู่ขั้นสูงแล้วยังจะมีหน้ามาโง่อีก (- m -)
น่าสมเพชนะ คนพวกนี้
(=__=)
อย่าสักแต่ว่าเรียนกันเลย
เรียนให้จบเร็ว
เรียนให้ได้เกรดดี
เรียนให้มีเกียรตินิยมประดับฝาบ้าน
โถ... มันไม่ต่างอะัไรกับโจรปล้นร้านทองที่ใส่เสื้อรักในหลวงหรอก
คุณค่าของคนมันอยู่ที่ไหนกันนะ?
...
พอมีอุปสงค์ อุปทานก็ตามมา
การแลกเปลี่ยนจึงเกิดขึ้น
ทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน
อาจารย์บางคน...นักศึกษา
ทั้งสมยอมและหลอกลวงไป
ปริญญาตรี โท เอก
พี่สาวคนหนึ่งที่เป็นคนเรียนดีมาแต่ไหนแต่ไร
เกือบไม่จบปริญญาโท เพราะปฏิเสธที่จะไปโรงแรม!
อาจารย์หรือนั่น?!
เสื้อรักในหลวง...
อาจารย์ที่จบป.เอกจากต่างประเทศ...
คนที่ประวัติการศึกษาไร้จุดด่างพร้อย...
สุดท้าย
ก็เหมือนกันหมดทั้งนั้น!!
2008-12-17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
อ่านแล้วโดนใจมากค่ะ
ReplyDeleteเลยอยากนำบทความของคุณนอร่าไปลงในบอร์ด psw
ไม่ทราบว่าจะอนุญาตหรือเปล่าค่ะ
(จริงๆ ตามมาจาก ST และโพสขอไปในห้องแชทแล้ว)
แต่ในเมื่อเข้ามาอ่านที่นี่ก็อยากเมนท์และขอจากที่นี่ด้วยอ่ะค่ะ
จะรอคำตอบนะคะ ^^ ขอบคุณค่ะ
OK ค่ะ
ReplyDeleteยินดีมากๆ
(ไม่ทราบว่าจะกลับมาอ่านหรือเปล่า แต่ขอตอบในนี้ก่อนเลยนะคะ)
ขอบคุณค่ะ ได้คำตอบจาก ST แล้วก็เลยเอาไปแปะเรียบร้อยแล้วค่ะ ^^
ReplyDeleteปล. ชื่อมดนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณหนอค่ะ (เห็นใน ST เขาเรียกกันแบบนี้)
ยินดีที่ได้รู้จักคุณมดเช่นกันค่ะ ^^
ReplyDelete